ลุ้นครม.เคาะผ่อน Lockdown

ลุ้นครม.เคาะผ่อน Lockdown

ไทยมีแผนผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในบางธุรกิจให้กลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งตามสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วันก่อนปรับตัวลงปิดที่ 1,267 จุด (+8.63 จุด) หรือ +0.69% ด้วย Volume ซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท ตอบรับยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ของไทยที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องส่งผลให้ศบค.ผ่อนคลายมาตรการ Lockdown เปิดห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม ร้านค้าขนาดเล็ก ตลาดนัด โดยเริ่มตั้งแต่ 4 พ.ค.ซึ่งเป็นบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อในกลุ่ม Comm , Fin และ Prop หนุนดัชนี  อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 669 ล้านบาท  , Net Short TFEX SET50 3,895 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,672 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,255 – 1,280 จุด จากปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้า โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากความคาดหวังกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นหลังหลายประเทศ เช่น สหรัฐ อิตาลี รวมถึงไทยมีแผนผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในบางธุรกิจให้กลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งตามสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงอย่างหนักจากความกังวล Oversupply หลังมีรายงานว่าคลังน้ำมันของสหรัฐใกล้เต็มความจุ รวมถึง Demand ที่อ่อนแอนั้นจะเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ นอกจากนี้แรงขายลดความเสี่ยงก่อนประกาศงบ 1Q20 ของหลายบริษัทฯที่จะหดตัวลง (สัปดาห์นี้ PTTEP SCC คาดว่าจะประกาศงบ 1Q20 หดตัวลงทั้ง qoq และ yoy) จะเป็นตัวฉุดให้ดัชนีผันผวนสูง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPN, HMPRO, GLOBAL, COM7) และกลุ่มโรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) คาดครม.ผ่อนปรนมาตรการ Lockdown หลังยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในไทยชะลอตัวลงต่อเนื่อง
  • กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ค่อนข้างน้อย ICT (ADVANC, INTUCH, DTAC) กลุ่มอาหาร (CPF)
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 1Q20 จะปรับตัวขึ้น (CPF, IVL, BCPG, RS)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • EPG (ปิด 4.38 ซื้อ/เป้า 7.5) ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบขาลงคาดกดดันราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับตัวลงตามหนุนมาร์จิ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น ด้านผลกำไร 4Q20 (ม.ค.-มี.ค.20) คาดว่าจะยังทรงตัวเหนือระดับ 200 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากกำไรที่แข็งแกร่งของธุรกิจ Aeroflex และ Aeroklas ซึ่งได้ผลบวกโดยตรงจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเพราะกว่า 60% ของทั้งสองธุรกิจมีรายได้จากต่างประเทศ
  • CPF (ปิด 28.25 ซื้อ/เป้า 32.75) ได้รับผลกระทบจากสหรัฐตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยเล็กน้อยเนื่องจาก CPF มีสัดส่วนส่งออกสินค้าไปสหรัฐเพียง 1% ด้านผลประกอบการคาดมีกำไรสุทธิ 1Q20 โตโดดเด่นสวนทางกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 1Q20 ประมาณ 5 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 20%qoq และ 52%yoy

บทวิเคราะห์วันนี้

CRC (ปิด 36 ถือ/เป้า 34), GPSC (ปิด 70.5 ถือ/เป้า 78)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์และตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.5-3% ตอบรับข่าวแต่ละประเทศทยอยผ่อนคลายมาตรการ lockdown: ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 359 จุด (1.5%) ปิดที่ระดับ 24,134 จุด นับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนตอบรับข่าวการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ในหลายๆรัฐของสหรัฐ อาทิ รัฐอลาสกา, จอร์เจีย, เซาธ์ แคโรไลนา, เทนเนสซี และเท็กซัส เช่นเดียวกับมหานครนิวยอร์กที่เตรียมจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ในฝั่งของตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นร้อนแรงเฉลี่ย +3% โดยมีปัจจัยบวกคล้ายกับฝั่งของอเมริกาคือนักลงทุนรับข่าวหลายประเทศในยุโรปทยอยผ่อนคลายมาตรการ lockdown และยังมีข่าวบวกว่าภาครัฐของแต่ละประเทศจะเข้าช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ Covid-19
  • (-) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังผันผวนล่าสุดลดลงอีก 25% กังวลดีมานด์หดตัวและคลังสำรองน้ำมันของสหรัฐใกล้เต็มความจุ: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงแรงกว่า 4.16 ดอลลาร์ หรือ 24.6% ปิดที่ 12.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ลดลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 6.8% ปิดที่ 19.99 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลกับดีมานด์ที่หดตัวจากวิกฤติ Covid-19 และยังกังวลกับปัญหาคลังเก็บน้ำมันในสหรัฐใกล้เต็มความจุ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสัญญาส่งมอบน้ำมันเดือนใกล้และเน้นการถือครองสัญญาส่งมอบที่ยาวขึ้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในช่วงใกล้หมดอายุ ความผันผวนที่เกิดขึ้นในระยะนี้จะยังส่งผลลบต่อผลประกอบการและ Sentiment การลงทุนของหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน โดยเฉพาะ PTTEP และ PTT แต่จะเป็นบวกต่อกลุ่มปิโตรฯ (IVL) และกลุ่มอื่นๆที่ใช้น้ำมันและวัสดุต่อเนื่องเป็นวัตถุดิบ อาทิ TASCO, EPG รวมไปถึงกลุ่มปั๊มน้ำมัน PTG
  • (-) กลุ่มห้างฯ ระวังแรงขาย หลังถูกจัดเป็นกลุ่มสีเหลืองส่งผลให้การเปิดดำเนินการอาจช้ากว่าที่ตลาดคาดกันไว้ (รอ ครม.สรุปรายละเอียดอีกครั้งวันนี้): ศบค. แบ่งเกณฑ์ผ่อนปรนให้ภาคธุรกิจออกเป็น 4 สี 4 ระยะ และพิจารณาทบทวนทุก 14 วัน โดยกลุ่มที่ 1 กลุ่มธุรกิจสีขาว เป็นกลุ่มธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นร้านขนาดเล็ก ร้านหาบเร่ และสวนสาธารณะ กลุ่มนี้คาดว่าจะเปิดดำเนินการ 4 พ.ค., กลุ่มที่ 2) กลุ่มสีเขียว หรือกลุ่มความเสี่ยงต่ำ คือ กลุ่มร้านค้าขนาดเล็กติดแอร์ พื้นที่ไม่มากคาดเริ่มเปิด 18 พ.ค., 3)กลุ่มสีเหลือง หรือกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง คือ กลุ่มกิจการขนาดใหญ่มีคนใจจำนวนมาก คาดเริ่มเปิด 1 มิ.ย., และ 4) กลุ่มสีแดง หรือกลุ่มเสี่ยงสูง คือ กลุ่มสนามมวย สถานบันเทิง คาดเปิด 15 มิ.ย.จากรายละเอียดข้างต้นอาจจะทำให้เกิดแรงขายหุ้นในกลุ่มห้างสรรรพสินค้า(CRC, CPN) และ กลุ่มร้านวัสดุก่อสร้าง(HMPRO, GLOBAL, DOHOME) เพราะถูกจัดเป็นกลุ่มสีเหลืองซึ่งจะกลับมาเปิดดำเนินการได้ประมาณวันที่ 1 มิ.ย. ถือว่าช้ากว่าที่ตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้