บลจ.แห่เปิดกอง 'ตราสารหนี้' แนะถือหุ้นกู้เอกชนเครดิตดี

บลจ.แห่เปิดกอง 'ตราสารหนี้' แนะถือหุ้นกู้เอกชนเครดิตดี

“บลจ.” แห่เปิดกองทุนตราสารหนี้ หลังตลาดกลับมาเชื่อมั่น  “เอ็มเอฟซี” แนะหุ้นกู้เอกชนคุณภาพสูง ให้ผลตอบแทนดีกว่าพันธบัตรรัฐบาล พร้อมเปิดกองทุนใหม่เปิดขาย 27-29 เม.ย.นี้ ด้าน “บลจ.กรุงไทย” เปิดขายกองทุนเปิด “กรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 2” 

นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานคณะกรรมการบริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ​บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เหมาะสมที่จะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ธนาคารกลางหลักทั่วโลกและไทยปรับลดดอกเบี้ยฉุกเฉินตามธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมทั้งออกมาตรการซื้อตราสารหนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด ส่งผลให้เงินฝากในประเทศไทยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลงอยู่ในระดับต่ำ

 ด้วยเหตุนี้จึงเป็นโอกาสลงทุนในตราสารหนี้เอกชนคุณภาพสูงและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าพันธบัตรรัฐบาล นอกจากนี้ การลงทุนในเงินฝากธนาคารต่างประเทศที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่งและมีอันดับความน่าเชื่ออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) เช่น ธนาคารในประเทศจีน และประเทศกาตาร์ ให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากในประเทศ

เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 6 ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (MKAI6S6)เสนอขายวันที่27-29 เม.ย. 2563โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ภาคเอกชน เงินฝาก ที่เสนอขายทั้งในและต่างประเทศ อายุ 6 เดือน ลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ประมาณการผลตอบแทนในอัตราเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 1.30 % และกองทุนเปิด MKAI6S6 เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และ/หรือเอกชน เงินฝาก ที่เสนอขายทั้งในและต่างประเทศ ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่าย 1.30% ต่อปี

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส3เดือน 2(KTSIV3M2) ในวันที่ 27 - 30เม.ย.2563 อายุโครงการประมาณ 3 เดือน มีระดับความเสี่ยงของกองทุนที่ระดับ 4 คือ ปานกลางค่อนข้างต่ำ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เงินฝาก/ตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย ผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 0.40% ต่อปี 

สำหรับสภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงวันที่ 10-17 เม.ย. 2563 อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยตราสารหนี้เอกชน Liquidity Spread ปรับเพิ่มขึ้นตามความกังวลโควิด-19 โดยนักลงทุนต่างชาติยอดขายสุทธิ4,994 ล้านบาท

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ. กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมปี2563 คาดว่าจะยังหดตัว7% เป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(AUM) ราว 4.8 ล้านล้านบาท จากสิ้นปี2562 มี AUM 5.2 ล้านล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้ มีAUM ที่4.4 ล้านล้านบาท หดตัวเกือบ16% จากสิ้นปี2562 มาจากผลกระทบกองทุนรวมกลุ่มตราสารหนี้ที่ปิดตัวลง4 กองทุนและผลกระทบทางอ้อมการปิดกองทุนดังกล่าวทำให้มีเงินไหลออกราว 4 แสนล้านบาท และอีก4 แสนล้านบาทจากมูลค่าทรัพย์สินที่ปรับตัวลดลง ในเดือนก.พ.มูลค่าทรัพย์สินลดลงถึง33% อย่างไรก็ตามปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินปรับตัวดีขึ้น20% ทำให้มูลค่าทรัพย์สินปัจจุบันลดลงเพียง17%