หอการค้าไทยขอขยายเวลาแบน 'พาราควอต -คลอร์ไพริฟอส' เป็นสิ้นปี 63

หอการค้าไทยขอขยายเวลาแบน 'พาราควอต -คลอร์ไพริฟอส' เป็นสิ้นปี 63

“กลินท์”เผย ทำหนังถึงรมว.อุตสาหกรรม ขยายเวลาประกาศใช้ “พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส”ไปเป็น 31 ธ.ค.63 จากเดิม 1 มิ.ย. ชี้ หากเดินหน้าส่งผลกระทบการเพาะปลูกพืชอาหารทั้งคนและสัตว์

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  เปิดเผยว่า   ขณะนี้สภาหอฯได้ทำหนังสือถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เพื่อขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศ ในการกำหนดให้ พาราควอต และคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4  จากเดิมที่จะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 63นี้ ให้ขยายเป็นบังคับใช้วันที่ 31 ธ.ค. 63 เนื่องจากปัจจุบันรายละเอียดต่างๆไม่ชัดเจนมากนัก ประกอบกับผู้ประกอบการและเกษตรกรก็ยังไม่มีความพร้อม ส่วนหนึ่งมาจากผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19

       158798575842      

นายกลินท์ กล่าวว่า   ทั้งนี้มีข่าวว่าในวันที่ 30 เม.ย. 63 จะมีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งหากไม่ได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาการบังคับใช้ อาจส่งผลกระทบต่อการนำสินค้าเข้าาต่างประเทศ ที่ต้องมีค่ากำหนดสารตกค้างจากสารเคมีดังกล่าวเป็นศูนย์ จนทำให้ขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต และเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารทั้งในประเทศ และเพื่อการส่งออก  ซึ่งปัญหาดังกล่าวก็จะยิ่งซ้ำเติม ระบบเศรษฐกิจไทยและมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในช่วงวิกฤตนี้ด้วย

“  ที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้บอกว่าเอกชนต้องการให้รัฐช่วยอะไรบ้าง ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งนายสมคิดก็รับปากที่จะไปหารือกับนายสุริยะ เพราะว่าในวันที่ 30 เม.ย. นี้อาจมีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย”

      

นายกลินท์ กล่าวว่า หากเดินหน้าตามมติเดิมก็จะทำให้ห้ามนำเข้าสารดังกล่าวและเอกชนก็ต้องยกเลิกการนำเข้าทันทีซึ่งจะมีผลกระทบในวงกว้างเนื่องจากสารดังกล่าวใช้ในการเพาะปลูกพืชที่เป็นวัตถุดิบ สำหรับการแปรรูปทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์จำนวนมาก เช่น  ถั่วเหลือง ข้าวสาลีและแป้งข้าวสาลี กาแฟ โกโก้ เป็นต้นซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องใช้ในการอุปโภคบริโภค ประกอบกับในปัจจุบันสินค้าอาหารสำเร็จรูปของประเทศไทยแม้ว่าจะวัตถุดิบดังกล่าวก็ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยทางอาหารอยู่แล้ว