ก้าวไกล จี้ รัฐคลายล็อก พ.ร.ก. เลิกรวมศูนย์อำนาจที่ 'ประยุทธ์'

ก้าวไกล จี้ รัฐคลายล็อก พ.ร.ก. เลิกรวมศูนย์อำนาจที่ 'ประยุทธ์'

ชัยธวัช จี้รัฐบาลคลายล็อก พ.ร.ก.และคืนอำนาจให้ประชาชน เลิกรวมศูนย์อำนาจที่นายกฯ ประยุทธ์

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า โดยเนื้อแท้แล้วเป็นการรวมศูนย์อำนาจมาไว้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ และสามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ เราจึงเห็นการใช้กฎหมายไปดำเนินคดีกับผู้ที่นำอาหารไปบริจาค จับขังคนงานก่อสร้างที่จำเป็นต้องเดินทางระหว่างเคอร์ฟิว หรือจับขังคนไร้บ้าน ใช้กฎหมายไปปิดปากประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดของรัฐบาลในสื่อสังคมออนไลน์ กระทั่งขู่จะจัดการกับนักศึกษาที่ต้องการเรียกร้องขอคืนค่าเทอม

นายชัยธวัช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม จนส่งผลให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงตามลำดับ แต่สิ่งที่พวกเราได้รับตอบแทนคือมาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่สับสน ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ทันท่วงที และไม่ทั่วถึง อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ประเมินความทุกข์ร้อนของประชาชนต่ำและช้าเกินไป รัฐบาลเข้มแข็งเสมอเวลาสั่งห้ามประชาชนทำนู้นทำนี่ แต่เฉื่อยแฉะเวลาพวกเราไม่มีเงิน หนี้สินท่วมหัว ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ ต้องรอคอยการสงเคราะห์อย่างไร้ศักดิ์ศรี

"วันนี้เราเห็นภาพประชาชนในหลายจังหวัดไปรวมตัวกันรอรับอาหารบริจาคโดยไม่กลัวไวรัสมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขากำลังจะไม่สนใจมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐอีกแล้ว เพราะกลัวจะอดตายมากกว่า และหากรัฐบาลยังไม่คลายล็อก ประเมินกันว่าจะมีคนตกงานไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคนในเดือนมิถุนายน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธิ์ ต้องเชื่อมั่นในประชาชนว่าไม่มีใครอยากให้ไวรัสระบาดไปมากกว่านี้ พวกเรายินดีจะร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค แต่พร้อมกันนั้น ก็ไม่มีใครอยากให้ครอบครัวตนเองอดตายหรือล้มละลาย ไม่มีใครอยากให้ประเทศไทยการ์ดตก แต่พวกเราอยากให้ประเทศนี้ปล่อยหมัดชกกับปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ด้วย" นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า เรายังต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกนาน และนี่คงไม่ใช่การระบาดใหญ่ครั้งสุดท้าย ดังนั้นเราต้องควบคุมโรคอย่างมีสติ ไม่ให้ความทุกข์ยากและความตายจากพิษเศรษฐกิจแซงหน้าความป่วยไข้และความตายจากไวรัส การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอาจมีประโยชน์เพื่อให้รัฐบาลควบคุมสถานการณ์ก่อนหน้านี้และเตรียมพร้อมมาตรการรับมือทางด้านสาธารณสุข ทว่าจากนี้ไปเป็นเวลาที่รัฐบาลต้องเริ่มคลายล็อก คายอำนาจ เปิดสภา และฟังเสียงของประชาชน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คลายล็อกและคายอำนาจ เพื่อคืนการทำมาหากินให้แก่ประชาชน

"เลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในลักษณะที่บังคับทั้งประเทศ แต่ปรับความเข้มข้นในใช้กฎหมายควบคุมโรคให้ได้สัดส่วนกับสถานการณ์การแพร่ระบาด พร้อมกับใช้มาตรการทางสาธารณสุขเชิงรุกเพื่อรองรับการคลายล็อก โดยเพิ่มอำนาจและทรัพยากรให้ท้องถิ่นมีบทบาทมากขึ้น และรัฐบาลต้องเร่งเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อฟังเสียงประชาชน เพราะเงินกู้และเงินงบประมาณรวมกันกว่า 2 ล้านล้านบาทในการแก้วิกฤตโควิด-19 ต้องไม่ใช่การเซ็นเช็คเปล่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ กับพวก แต่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบให้ใช้จ่ายอย่างโปร่งใส รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเพื่อคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง" นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลทั้ง 54 คน ได้ร่วมลงชื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเรียบร้อยแล้ว เราขอเรียกร้องไปยัง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลให้ร่วมกันแสดงบทบาทของผู้แทนราษฎร เปิดประชุมสภาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้อำนาจของประชาชนมีความหมายและภาษีของพวกเราทุกคนถูกใช้ไปอย่างโปร่งใสคุ้มค่ามากที่สุด