เปิดนโยบาย 'ภูมิคุ้มกันหมู่' (Herd Immunity) ที่สวีเดนใช้สู้ 'โควิด-19'

เปิดนโยบาย 'ภูมิคุ้มกันหมู่' (Herd Immunity) ที่สวีเดนใช้สู้ 'โควิด-19'

เมื่อโควิด-19 ระบาดไปทั่วยุโรป ประเทศเพื่อนบ้านแห่ปิดพรมแดน ปิดโรงเรียน บาร์ และบริษัทห้างร้าน แต่สวีเดนกลับสวนกระแสคงชีวิตผู้คนไว้อย่างปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปล่อยให้ประชาชนได้สัมผัสไวรัสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ปกป้องเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ

ผลปรากฏว่า นโยบายนี้ถูกวิจารณ์มาก ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า เหมือนเอาสุขภาพส่วนรวมมาเล่นเกมเสี่ยงรัสเซียนรูเล็ต

แต่ถึงวันนี้หัวหน้านักระบาดวิทยาสวีเดนกล่าวว่า ยุทธศาสตร์นี้ดูเหมือนได้ผล ภูมิคุ้มกันหมู่ในกรุงสต็อกโฮล์มจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์

“ในพื้นที่สำคัญของสวีเดน รอบกรุงสต็อกโฮล์ม จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่คงที่แล้ว เราเริ่มเห็นผลของภูมิคุ้มกันหมู่ และใน 2-3 สัปดาห์จะเห็นผลมากกว่านี้ ขณะที่ส่วนอื่นๆ ของประเทศสถานการณ์คงที่” แอนเดอร์ส เทกเนลล์ หัวหน้านักระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขสวีเดนเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวันอังคาร (21 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น

ภูมิคุ้มกันหมู่ที่ปกติได้จากการฉีดวัคซีน จะเกิดขึ้นเมื่อประชากรราว 60% มีภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ นักวิทยาศาสตร์กำลังพิจารณาว่าการติดต่อหรือหายจากโรคโควิด-19 จะทำให้มีภูมิคุ้มกันระยะยาวหรือไม่ พร้อมกันนั้นยังมีรายงานเรื่องการติดเชื้อซ้ำด้วย

เทกเนลล์เผยว่า ข้อมูลจากการสุ่มตัวอย่างและตัวแบบชี้ว่า ประชากรสต็อกโฮล์ม 20% มีภูมิคุ้มกันแล้ว ภายใน 2-3 สัปดาห์ก็จะได้ภูมิคุ้มกันหมู่ “เราเชื่อว่านี่คือเหตุผลที่จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างช้าๆ ทั้งๆ ที่สุ่มตัวอย่างตรวจเชื้อมากขึ้นทุกที” ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสูงเนื่องจากเกิดการติดเชื้อในบ้านพักคนชรา ที่ทางการกำลังสอบสวนหาสาเหตุ

สวีเดนมีประชากรราว 10 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อ 15,322 คน (นับถึง 23 เม.ย.) ส่วนใหญ่อยู่ในสต็อกโฮล์มและพื้นที่โดยรอบ ส่วนอื่นของประเทศมีผู้ติดเชื้อน้อยมาก ซึ่งนอกเมืองใหญ่มีประชากรน้อยอยู่แล้ว

ถ้าเทียบกับเพื่อนบ้าน จำนวนผู้ติดเชื้อในสวีเดนเกือบ 2 เท่าของเดนมาร์ก ที่มีผู้ติดเชื้อ 8,108 คน เสียชีวิต 370 คน และฟินแลนด์ที่ติดเชื้อกว่า 4,000 คน เสียชีวิต 141 คน ทั้งสองประเทศใช้มาตรการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวด และเนื่องจากเดนมาร์กและฟินแลนด์มีประชากรประเทศละราว 5 ล้านคน ครึ่งหนึ่งของสวีเดน ดังนั้นอัตราส่วนผู้ติดเชื้อจึงพอๆ กัน แต่การเปรียบเทียบขึ้นอยู่กับจำนวนการตรวจหาเชื้อในแต่ละประเทศด้วย

แต่ถ้าดูจำนวนผู้เสียชีวิตของสวีเดนที่ 1,937 คน ถือว่าสูงมากและได้สัดส่วนเมื่อเทียบกับเดนมาร์ก 370 คน และฟินแลนด์ 141 คน

เทกเนลล์ค่อนข้างมั่นใจในยุทธศาสตร์ที่สวีเดนทำ แต่กล่าวว่ายังเร็วเกินไปหากรัฐบาลยกเลิกข้อกำหนดที่ออกมาเพื่อชะลองการแพร่ระบาด “พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่ได้รับผลทั้งหมด”

นักระบาดวิทยารายนี้และสำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติเป็นผู้กำหนดวิธีการรับมือการแพร่ระบาดของสวีเดน ขณะที่ประเทศอื่นใช้วิธีล็อคดาวน์ตามคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์ที่ปรึกษารัฐบาล วิธีการอันแตกต่างของสวีเดนอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจประชาชน ให้ใช้มาตรการหน่วงเชื้ออย่างสมัครใจ

รัฐบาลสวีเดนสนับสนุนให้ทำงานจากบ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยไม่จำเป็นและการพบปะคนชรา ร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ ไนท์คลับให้บริการนั่งรับประทานในร้านเท่านั้น ห้ามประชาชนรวมตัวกันเกิน 50 คน โรงเรียนเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปียังเปิด ชีวิตโดยทั่วไปดำเนินไปเหมือนเดิม แค่ช้าลงเท่านั้น เทกเนลล์เผยว่า ขณะนี้สวีเดนกำลังตรวจหาเชื้อและสุ่มตัวอย่างเพิ่มขึ้น เพื่อวัดขอบเขตของการระบาด