ส่องมาตรการคลายล็อกดาวน์ '5 ประเทศ' ติดโควิดมากที่สุดในโลก

รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกเริ่มวางแผนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่มุ่งสกัดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพื่อเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงเตือนจากองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เร็วเกินไป อาจทำให้โควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง

ลองมาดูกันว่า มีประเทศใดบ้าง เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ประเทศกันแล้วบ้าง 

O เยอรมนี  เตรียมผ่อนคลายมาตรการจำกัดการใช้ชีวิตของประชาชน หลังจากมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศลดลงในช่วงเดือนนี้

 ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ระบุว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานับจนถึงวันอังคาร(21 เม.ย.) เยอรมนีมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1,323 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 147,065 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 220 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 4,862 ราย

นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะให้มีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า การผ่อนคลายมาตรการอาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มมากขึ้น ขณะที่พรรคคริสเตียน เดโมแครต ของนางแมร์เคิล ยังคงแบ่งรับแบ่งสู้ และไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการเหล่านี้ ทางพรรคระบุว่า กำลังพิจารณาตัวเลือกต่าง ๆ อยู่ในขณะนี้ 

O อิตาลี  เตรียมผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ 4 พ.ค.นี้ นายจูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี เปิดเผยว่า อิตาลีเตรียมที่จะประกาศผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ โดยจะเริ่มต้นในวันที่ 4 พ.ค. และจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ผู้นำรัฐบาลอิตาลีกล่าวผ่านเฟซบุ๊คว่า เขาอยากจะพูดประกาศ “เปิดเศรษฐกิจ” ของอิตาลีในตอนนี้ ถ้าทำได้ก็อยากจะเปิดพรุ่งนี้เช้าด้วยซ้ำ แต่การทำแบบนั้นคง “ไร้ความรับผิดชอบ” เนื่องจากเส้นกราฟของผู้ป่วยคงพุ่งทะยานขึ้นจนควบคุมไม่ได้ และทำให้ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาต้องสูญเปล่า เขาย้ำว่า ต้องดำเนินการทุกอย่างตามแผนการ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาสถานการณ์ประกอบอย่างเหมาะสม

O ฝรั่งเศส เริ่มจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่วนโรงเรียน และมหาวิทยาลัยต่างๆ จะค่อยๆ ทยอยเปิดทำการตั้งแต่ 11 พ.ค. เป็นต้นไป

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศว่า รัฐบาลฝรั่งเศสยังไม่มีความพร้อมเพียงพอในการรับมือกับการระบาดครั้งนี้ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทำให้การตัดสินใจยากลำบากต่อมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ขณะที่ร้านอาหาร บาร์ โรงภาพยนตร์ และสถานที่ที่ผู้คนมาพบปะชุมนุมกันอื่นๆ จะถูกปิดต่อไป ขณะที่งานเทศกาลจะถูกห้ามจัดไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ชายแดนที่เชื่อมระหว่างประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรปจะถูกปิดจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

O สหรัฐ-อังกฤษ  ย้ำจุดยืนร่วมมือใกล้ชิดเพื่อเปิดเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง 

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์วานนี้ (21 เม.ย.)ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ยืนยันที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดผ่านกลุ่ม G7 และ G20 เพื่อเปิดเศรษฐกิจโลกขึ้นมาอีกครั้ง ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ “เราจะสร้างความมั่นใจว่าการดูแลทางการแพทย์และเวชภัณฑ์จะเข้าถึงผู้ยากไร้ได้ทั้งหมด”

ปัจจุบันทั้งสหรัฐ และอังกฤษต่างก็เป็นประเทศที่กำลังเผชิญการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนักหน่วง ข้อมูลจากศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ พบว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทะลุ 800,000 รายแล้ววานนี้ (21 เม.ย.) และยอดผู้เสียชีวิตกว่า 43,900 ราย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ มีรายงานในวันเดียวกันว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วประเทศอยู่ที่ 129,044 ราย และมียอดผู้เสียชีวิต 17,337 ราย