'ดอน' เตรียมร่วมประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ รับมือโควิด

'ดอน' เตรียมร่วมประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ รับมือโควิด

“ดอน” เตรียมร่วมประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ว่าด้วยเรื่องโควิด-19 ผ่านระบบทางไกล วันที่ 23 เม.ย.

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันพฤหัสบดีที่ 23 เม.ย. 2563  เวลา 08.00 - 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของลาว ในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ในครั้งนี้ จะเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในด้านสถานการณ์สาธารณสุขฉุกเฉินของประเทศสมาชิกอาเซียนและสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับโควิด-19 อย่างทันท่วงที

ทั้งสองฝ่ายจะเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศอย่างโปร่งใสและทันท่วงที การเสริมสร้างขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขโดยใช้กลไกด้านสาธารณสุขที่อาเซียนมีบทบาทนำ การให้ความช่วยเหลือคนชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงไทยและสหรัฐ การรักษาห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค โดยเฉพาะการจัดส่งสินค้าและบริการที่จำเป็น รวมถึงอาหาร ยาและอุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อบรรเทาผลกระทบทางด้านสังคมและเศรษฐกิจร่วมกันและกำหนดแนวทางสำหรับการฟื้นตัว ทางเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19

สหรัฐ เป็นประเทศหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอาเซียน และมีความร่วมมือกับอาเซียนอย่างรอบด้าน รวมถึงด้านสาธารณสุข โดยการประชุมในครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน เศรษฐกิจและความมั่นคง ทั้งในอาเซียนและสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมนั้น รมว.ต่างประเทศลาว และสหรัฐ ในฐานะประธานร่วมของการประชุมจะออกแถลงการณ์ร่วม เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ที่อาเซียนและสหรัฐ จะร่วมมือกันรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงข้อริเริ่มและความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมของทั้งสองฝ่าย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านสาธารณสุขและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคตด้วย