'บัตรทอง' ไฟเขียว! ผู้ป่วยรักษารพ.นอกสิทธิ์ได้ ช่วง 'โควิด-19'ระบาด

'บัตรทอง' ไฟเขียว! ผู้ป่วยรักษารพ.นอกสิทธิ์ได้ ช่วง 'โควิด-19'ระบาด

รัฐเคาะค่ารักษาโควิด-19 ในรพ.สนาม-ฮอสพิเทล จ่าย1,500 บาทต่อเตียงต่อคืน ผู้ป่วยทุกสิทธิ์ สปสช.ไฟเขียวสิทธิ์บัตรทอง ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง-บริการทางการแพทย์ที่จำเป็น เข้ารับรักษาในรพ.นอกสิทธิ์ได้ ช่วยผู้ป่วยกรณีกลับบ้านแต่สิทธิ์รักษาอยู่อีกจังหวัด

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ โควิด-19 นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ แม้ว่าภาพรวมจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น แต่มาตรการควบคุมและป้องกันยังต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อยุติการแพร่ระบาด  ซึ่งคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.)ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ได้เห็นชอบ 7 มาตรการเชิงรุกกองทุนบัตรทองร่วมแก้ปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า 2019 ได้แก่

1.ส่งยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับผู้ป่วยรายเก่าทางไปรษณีย์ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยใช้เงินสนับสนุนจากงบกองทุนบัตรทองปี 2563 อัตราไม่เกิน 50 บาทต่อครั้ง มีหน่วยบริการเข้าร่วมโครงการแล้ว 349 แห่ง โดยผู้ป่วยโทรไปสอบถามยังโรงพยาบาลที่รับยาเป็นประจำ เพื่อรับคำปรึกษาจากแพทย์ในการวินิจฉัยว่าผู้ป่วยสามารถรับยาทางไปรษณีย์ได้หรือไม่


2. ลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยขยายร้านยาโครงการรับยาใกล้บ้านพร้อมการจัดทำระบบโรงพยาบาลจัดสำรองยาที่ร้านยาและระบบเติมยาผู้ป่วยที่ร้านยา ทั่วประเทศมีร้านยาเข้าร่วมแล้ว 1,071 แห่ง เป็นร้านยาที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) โดยจะต้องมีเภสัชกรอยู่ประจำ 8 ชั่วโมง

3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรังรับยาหรือบริการทางการแพทย์ตามความจำเป็นนอกหน่วยบริการประจำได้ โดยถือเป็นความเจ็บป่วยกรณีฉุกเฉินในมิติของประชาชนภายใต้สถานการณ์โรคระบาด จึงสามารถไปรับยาในโรงพยาบาลได้ทุกแห่งที่เป็นเครือข่ายระบบหลักประกันสุขภาพทั้งรัฐและเอกชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องกลับไปภูมิลำเนาแต่มีสิทธิ์รักษาพยาบาลของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอยู่ในสถานพยาบาลอีกจังหวัดหนึ่ง



4. จ่ายชดเชยค่าบริการกรณีโรคโควิด-19 ให้กับหน่วยบริการนอกระบบบัตรทอง โดยใช้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการ กำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการให้กับประชาชน หากเข้ารับการตรวจยืนยันการติดเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชนแล้วผลเป็บบวกคือติดเชื้อ สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งนั้นต่อได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณผ่านสปสช.มาดำเนินการจ่ายค่ารักษา ซึ่งหากเป็นผู้ป่วยหนักอาจจะมีค่าใช้จ่าย7-8แสนบาท


5. จ่ายชดเชยค่าบริการโรคโควิด 19 ให้โรงพยาบาลสนามหรือฮอสพิเทลหรือหน่วยงานอื่นที่ผ่านการรับรองเกณฑ์การประเมินโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับส่งต่อเฉพาะด้าน อัตรา 1,500 บาทต่อเตียงต่อคืน เป็นอัตราเดียวกันทั้งที่สปสช.จ่ายกรณีเป็นผู้ป่วยอยู่ในสิทธิ์บัตรทอง กรณีสำนักงานประกันสังคมจ่ายหากเป็นผู้ประกันตนทและกรมบัญชีกลางจ่ายหากเป็นสิทธิ์สวัสดิการข้าราชการ


6. เสนอแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การรับเงิน การจ่ายเงิน การรักษาเงิน และรายการของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการสนับสนุนและส่งเสริม การจัดบริการสาธารณสุขและค่าใช้จ่ายอื่น พ.ศ.2559 โดยให้รายการค่าใช้จ่ายอื่นเพื่อชดเชยค่าเสื่อมของสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์ ปีงบประมาณ 2563 ใช้ซื้อครุภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ COVID 19 ได้ และเพิ่มอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายกรณีโควิด-19 เป็น 2 เท่าจากเดิม โดยใช้งบกลางจ่ายเพิ่มเติมและ 7. มอบเลขาธิการ สปสช. และประธานบอร์ด สปสช. พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราค่าใช้จ่าย และการจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยบริการ เพื่อประโยชน์การบริหารกองทุนทันต่อสถานการณ์การระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19

"ในเรื่องการเร่งคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามสิทธิประโยชน์กองทุนบัตรทองโดยให้กับคนไทยทุกคนทุกสิทธิที่เป็นมาตรการสำคัญของการค้นหาผู้ติดเชื้อเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด สปสช.ได้เพิ่มเติมให้หน่วยบริการเอกชนสามารถร่วมเป็นหน่วยบริการคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกในชุมชนได้ โดยยึดตามแนวทางการให้บริการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) นอกสถานพยาบาลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ รวมถึง สปสช.ได้ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (แลป) ในการตรวจเชื้อโควิด 19 ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อขยายการตรวจคัดกรองได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็วแล้ว 92 แห่ง เป็นหน่วยบริการรัฐ 74 แห่งและหน่วยบริการเอกชน 18แห่ง โดยในการค้นหาเชิงรุกจะจ่ายค่าแล็บในอัตรา 3,000 บาทต่อครั้ง"นพ.ศักดิ์ชัยกล่าว


นพ.ศักดิ์ชัข กล่าวด้วยว่ ความคืบหน้ากองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่” (กปท.) หรือ กองทุนสุขภาพตำบล ในการร่วมควบคุมและป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่ จากข้อมูลวันที่ 16 เมษายน 2563 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ ที่ใช้กลไกนี้ในการขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจำนวน 3,264 แห่ง จัดทำ 8,220 โครงการ เป็นงบประมาณ 518.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่มี อปท.ดำเนินโครงการ 1,186 แห่ง จำนวน 1,474 โครงการ นับเป็นอีกหนึ่งกลไกภายใต้กองทุนบัตรทองที่ร่วมแก้ปัญหาโควิด-19 


  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามแนวทางการรักษาผู้ติดโควิด-19ของกรมการแพทย์นั้น ทุกคนที่ผลการตรวจยืนยันทางห้องแล็บเป็นบวกคือติดเชื้อทุกราย จะต้องเข้ารับการรักษาหรือสังเกตอาการในโรงพยาบาลหลักเป็นเวลา2-7วัน หากไม่มีอาการรุนแรงใดๆ ผลการเอ็กซเรย์ปอดไม่ผิดปกติ จะส่งต่อเข้ารับการพักฟื้นที่โรงพยาบาลสนามหรือฮอสพิเทลที่โรงพยาบาลหลักจัดเตรียมไว้ โดยที่ผู้ติดเชื้อสมัครใจไปพักฟื้น เป็นเวลาอีก 7 วัน รวมเวลาเข้ารับการดูแลรักษาทั้งสิ้น 14 วัน