น้ำมันกดตลาด

น้ำมันกดตลาด

ดัชนีวานนี้ปรับตัวขึ้นกว่า 27 จุด แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ โดยดัชนีภายในประเทศได้แรงหนุนจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อบรรเทาและฟื้นฟูผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

ประกอบกับความคาดหวังเชิงบวกในการทยอยการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,266.40 จุด (+27.16 จุด) Volume 6.7 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,829.30 ลบ. TFEX Net -865 สัญญา ตราสารหนี้ -1,346 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+คาดว่าศบค.จะทยอยปลด lockdown พื้นที่จังหวัดและประเภทสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่ำในการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 592.05 จุด -2.44% เพราะถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรุดตัวลงแตะระดับติดลบเป็นครั้งแรกบดบังข่าวบวกที่ว่าหลายประเทศเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และสภาคองเกรสใกล้บรรลุข้อตกลงปล่อยสินเชื่อรอบ 2 ให้ธุรกิจรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

-เฟดชิคาโกเปิดเผยโควิด-19 ฉุดดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจวูบในเดือนมี.ค.

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 55.90 ดอลลาร์ -306% ปิดที่ -37.63 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 และคลังน้ำมันสหรัฐกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ อย่างไรก็ดี เช้านี้ราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวกว่า 100% เข้าสู่แดนบวกแล้ว

-ทองคำปรับตัวขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับตัวลงแตะระดับติดลบเป็นครั้งแรก

-ฮ่องกงเผยอัตราว่างงานพุ่งแตะ 4.2% ใน Q1/63 สูงสุดกว่า 9 ปีจากพิษโควิด

-ผู้เชี่ยวชาญเตือนอาเซียนอาจกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโควิดหลังจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่ง

+/- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 14.06 จุด +0.50% เช้าเปิดลบ 10.31 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย

-ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 228.14 จุด -1.15% เช้าเปิดร่วง 189.29 จุดวิตกสัญญาน้ำมันดิบสหรัฐร่วงติดลบเป็นครั้งแรก

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.44 แสนลบ. ค่าเงินบาท 32.49 บาท/US

*จับตาประชุมครม. ส่วนสหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. และ EU เผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนเม.ย.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศางตลาดโลก โดยแรงกดดันหลักอยู่ในหุ้นกลุ่มพลังาน จากที่การปรับตัวลงติบลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของราคาน้ำมันดิบ WTI  ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามการประกาศงบไตรมาส 1 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,270 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

ราคาน้ำมันสหรัฐปรับตัวลงแตะระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์เนื่องจาก

 

1.การ Roll over สัญญาจากเดือน May ไปเดือน June

2.อุปสงค์ที่อ่อนแอทำให้น้ำมันในสหรัฐล้นตลาด

3.คลังเก็บน้ำมันในสหรัฐส่วนใหญ่เก็บน้ำมันจนเต็มแล้วทำให้ไม่สามารเก็บเพิ่มได้อีก

4.การส่งมอบน้ำมันจะมีต้นทุนในการเก็บส่งผลให้นักลงทุนเก็งกำไรไม่ต้องการส่งมอบและปิดสัญญาซึ่งดดันราคาน้ำมันให้ปรับตัวลง

 

ความเห็น เราคาดว่าราคาน้ำมันจะกลับสู่ภาวะปกติที่ 20 $/bbl ในวันพูธที่ 22 เมษายน เนื่องจากเป็นการซื้อขายสัญญาเดือน June อย่างไรก็ตามการที่น้ำมันล้นในสหรัฐ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้จำกัดและมีโอกาสอ่อนตัวลงหากใกล้วันสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 19 พฤษภาคม อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลงไม่ส่งผลกระทบต่อหุ้นพลังงานในไทยเนื่องจาก ไทยซื้อน้ำมันจากตะวันออกกลางซึ่งราคาน้ำมันอยู๋ที่ระดับ 24 $/bbl โดยหากน้ำมันยังเคลื่อนไหวในระดับต่ำเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะบริษัทที่ราคาขายเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมัน PTTEP PTTGC IVL ขณะที่เป็นผลดีกับกลุ่มโรงกลั่น TOP SPRC ESSO

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive (RATCH TTW ADVANC CHG)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากการ Work from home (ADVANC INTUCH DTAC TRUE JAS JASIF DIF COM7 SIS SYNEX)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์หากมีการทยอยปลด Lockdown (BTS BTSGIF BEM CRC MC AU )

หุ้นมีข่าว   

·         TISCO (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 89.37 บาท) รายงาน 1Q63 มีกำไรสุทธิ 1,484 ล้านบาท -4%YoY แม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ +10.6% แต่รายได้ค่าธรรมเนียม -0.1% โดยมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมาตรฐาน TFRS9 จำนวน 1,050 ล้านบาท ระดับ credit cost เพิ่มขึ้นเป็น  ในไตรมาสนี้มีการสำรองพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ขณะที่สำรองส่วนเกินยังมีอยู่ราว 2 พันล้านบาทเศษและผู้บริหารแจ้งปรับแผนตัดสำรองส่วนเกินจาก 5 ปีเป็น 2 ปี    

·         TMB (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 1.19 บาท) กำไรสุทธิ 1Q63 เท่ากับ 4,163 ล้านบาท +158%QoQ +1,579%YoY ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์เกือบ 2 เท่าตัว (Bloomberg คาด 2,963 ล้านบาท) จากการรวมงบการเงินกับ TBANK ทำให้มีรายได้จากการดำเนินงาน +55%QoQ +8517%YoY %NPL ratio อยู่ที่ 2.76% เทียบกับ 2.35% ณ สิ้นปี 62 และในไตรมาสนี้บริษัทได้ตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss : ECL) จากการใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 เท่ากับ 4,760 ล้านบาท

·         KKP (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 57.40 บาท) 1Q63 มีกำไรสุทธิ 1,484 ล้านบาท +20.8% ส่วนกำไรเบ็ดเสร็จที่รวมผลจากการวัดมูลค่าหลักทรัพย์เผื่อขายจากความผันผวนของตลาดทุนเท่ากับ 799 ล้านบาท ลดลง 42% สินเชื่อ +4.1%YTD มาจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (สัดส่วน 25%) +4.2% และสินเชื่อสายบริหารหนี้ (สัดส่วน 0.5%) +146% สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม 4%ทรงตัวเมื่อเทียบกับปลายปี 62

·         SCB  (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 85.78) รายงาน 1Q63 มีกำไรสุทธิ 9,251 ล้านบาท +1%YoY +68%QoQ ผลการจากใช้มาตรฐาน TFRS9 ทำให้มีคชจ.สำรองฯ +1.2%QoQ +79%YoY เป็น 9.7 พันล้านบาท สินเชื่อ -0.9% เมื่อเทียบกับปลายปี 62 %NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.17% ลดลงจาก 3.41% ณ ปลายปี 62 ผู้บริหารธนาคารชี้แจงว่าให้ความสำคัญกับคุณภาพหนี้รวมทั้งประเมินว่าการบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวราว Q3 ธนาคารยกเลิกโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อเตรียมสภาพคล่องรองรับการช่วยเหลือลูกค้าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

·         (+) TQM (Bloomberg Consensus 73.00 บาท) ผู้บริหารมั่นใจงบไตรมาสแรกทะลุเป้า จากยอดขายเบี้ยประกันสูงเป็นประวัติการณ์ 4  พันล้านบาท ได้ประกันโควิดช่วยหนุน Q3 เตรียมซื้อโบรกเกอร์ประกัน 1 ราย เพิ่มยอดรับรู้รายได้ทันที นักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมาย 83 บาท (ที่มาข่าวหุ้น)

·         (+) ANAN (Bloomberg Consensus 2.11 บาท)  บอร์ด ANAN ไฟเขียวควักเงิน 535.21 ล้านบาท ซื้อหุ้น 49% ของบริษัทร่วมทุน อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย สามย่านจาก ซี อินเวสเม้นท์ ไฟว์ ไพรเวท ลิมิเต็ดซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มมิตซุย ฟูโดซัง คาดชำระเงินภายในเดือน เม.ย.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+) SVOA (Bloomberg Consensus - บาท)  ราคาพุ่งชนซิลลิ่ง 14.67% หลังแจ้ง Kyanite บริษัทที่เทมาเส็กถือหุ้นทางอ้อม ยื่นทำเทนเดอร์ฯ Keppel ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมของ SVOA จะส่งผลให้ “Kyanite-เทมาเส็กถือหุ้น Keppel เป็น 51% พร้อมระบุกลุ่มเทมาเส็กได้ขอผ่อนผันการทำเทนเดอร์ฯ SVOA เหตุไม่มีความประสงค์เข้ามาบริหาร (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+/-) PTG (Bloomberg Consensus 16.00 บาท) ปรับลดอัตราจ่ายปันผลเหลือ 0.20 บาทต่อหุ้น จากเดิม 0.50 บาทต่อหุ้น เพื่อบริหารสภาพคล่องรับมือวิกฤติโควิด-19 พร้อมเลื่อนประชุมผถห.จาก 24 เม.ย. 2563  (ที่มา ทันหุ้น)

·          (+) BEM (Bloomberg Consensus 11.25 บาท)  มั่นใจรัฐแก้ปัญหาโควิดจบ ทางด่วน-รถไฟฟ้ากลับมาเร็ว ยอมรับยื่นขอเยียวยาหลังผู้โดยสารวูบช่วงปิดเมือง พร้อมประกาศลุยสายสีส้มเต็มที่ ชี้เส้นทางนี้ยอดผู้โดยสารแตะ 4 แสนราย ด้านนักวิเคราะห์ยกเคสทีวีดิจิทัลประเมินรัฐเยียวยารถไฟฟ้า ชี้ BEM อยู่ในเรดาห์ฟื้นไวอัพไซด์เพิ่ม ส่วนสายสีส้มเดินหน้าเป็นบวก ระบุหากคว้าได้เพิ่มเป้าอีก 2 บาทจาก 10.60 บาท นี้ (ที่มา ทันหุ้น)

·          (+) THCOM (Bloomberg Consensus 3.83 บาท) "พุทธิพงษ์" เร่ง CAT จัดการดาวเทียมไทยคม 4-5 ไม่ปิดทาง THCOM ร่วม สั่งสรุปใน 2 เดือน พร้อมจี้ กทม.เร่งลงทุนนำสายเคเบิลลงดินช่วงจราจรโล่ง ด้าน CAT เตรียมตั้ง JV หรือร่วมทุน PPP กับ THCOM บริหารดาวเทียมหลังหมดสัญญาสัมปทาน (ที่มา ทันหุ้น)

·         (+) GFPT (Bloomberg Consensus 12.20 บาท)  ลุ้นจีนเข้าสู่สภาวะปกติ ออเดอร์โค้งสองกลับมาพุ่ง ชิมลางตลาดออนไลน์โกยเงินเพิ่ม พร้อมทุ่มงบ 1.15-1.2 พันล้านบาท อัพกำลังผลิตโรงเชือด-รีโนเวตไลน์ผลิตรองรับอนาคต โบรกส่องธุรกิจฟื้นปีหน้า ราคาเป้าหมาย 10.90 บาท (ที่มา ทันหุ้น)