ปอร์เช่ ไทคานน์ ควบ สุดยอด "ลักซ์ชัวรี" - "เพอร์ฟอร์แมนซ์"

ปอร์เช่ ไทคานน์ ควบ สุดยอด "ลักซ์ชัวรี" - "เพอร์ฟอร์แมนซ์"

มติเอกฉันท์ สื่อมวลชนนานาชาติ 2 รางวัล ในเวที World Car of the Year

ปอร์เช่ ไทคานน์ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) คันแรกของปอร์เช่ มีแผนที่จะทำตลาดในบ้านเราปีนี้ อย่างไรก็ตามหวังว่าสถานการณ์ของโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ จะไม่กระทบต่อแผนการทำตลาด สำหรับรถที่หลายๆ คนรอคอย 

สำหรับ ไทคานน์ นั้น ปีที่แล้ว ปอร์เช่ สร้างความฮือฮาให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้วยการเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้า (EV) รุ่นแรกของบริษัท คือ ไทคานน์ (Taycan) และเป็นการเปิดตัวพร้อมกัน  3 ทวีปทั่วโลก คือ อเมริกาเหนือ ประเทศจีน และ ยุโรป โดยปอร์เช่อธิบาย การเลือกสถานที่เปิดตัวเพราะล้วนเป็นตลาดที่มีความสำคัญต่อยอดจำหน่าย อีวี โดยแต่ละสถานที่จะเลือกใช้กิจกรรมการเปิดตัวที่สื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยแนวทางของการพัฒนาและบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน โดยอเมริกาเหนือเลือกเปิดตัวที่ออนทาริโอ แคนาดา บริเวณที่ตั้งของน้ำตก ไนแองการา แหล่งกำเนิดพลังงานน้ำที่สำคัญ

ที่ยุโรป เปิดตัวที่ นอยฮาร์เดนเบอร์ก เยอรมนี ใกล้ๆ กับกรุงเบอร์ลินซึ่งมีแหล่งโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยแผงโซล่าร์เซลล์ และ ประเทศจีน ที่หมู่เกาะ ผิงทาน ห่างจากเมือง ฟู่โจ ในจังหวัดฝูเจี้ยน ประมาณ 150 กม. สถานที่แห่งนี้คือต้นกำเนิดแหล่งพลังงานลมที่สำคัญของประเทศ"ปอร์เช่ตั้งใจใช้ตัวแทนของพลังงานบริสุทธ์ ที่ได้จากธรรมชาติทั้ง 3 รูปแบบดังกล่าว สื่อสารไปยังผู้คนให้ตระหนักรู้ถึงแนวทางแน่วแน่ต่อการทุ่มเทพัฒนาเพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ผ่านรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกจากปอร์เช่"

158737334492

การหันมาพัฒนา อีวี ก็เพื่อให้ก้าวทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่การบ้านข้อสำคัญของปอร์เช่ก็คือ จะทำอย่างไรให้ไทคานน์สานต่อแนวทางที่สำคัญมาตลอดคือ พร้อมรองรับการใช้งานในทุกกิจกรรมของชีวิตประจำวัน รวมถึงดีเอ็นเอ อารมณ์สปอร์ตเต็มตัว โดยปอร์เช่น ระบุว่า เป็น "รถสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุด" เท่าที่เคยมีมาในสายการผลิตปกติของปอร์เช่

ไทคานน์ เปิดตัวครั้งแรก 2 รุ่น คือ  เทอร์โบ เอส และ ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ โดย เทอร์โบ เอส มีกำลังสูงสุด 761 แรงม้า เพิ่มพลังด้วยฟังก์ชัน overboost ทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 2.8 วินาที ติดตั้งแบตเตอรีขนาด 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใช้งานได้สูงสุด 412 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ขณะที่รุ่น เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 680 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.2 วินาที และใช้งานได้ 450 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และทั้ง 2 รุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำความเร็วสูงสุดได้ 260 กม./ชม.

จุดเด่นอีกสิ่งหนึ่งของไทคานน์ คือ ระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อน 800 โวลต์ ซึ่งสูงกว่าระบบทั่วไปก่อนหน้านั้นที่ใช้ 400 โวลต์ และนี่คือข้อได้เปรียบ เพราะระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ จะทำงานอย่างรวดเร็วช่วยยืดระยะการเดินทาง

ขณะที่การชาร์จไฟจากเครื่องชาร์จ แบบกระแสตรง หรือ ดีซี  ใช้วลาเพียง 22.5 นาที จะได้ความจุแบตเตอรี่ จาก5-80% ภายใต้สภาพแวดล้อมปกติ และมีกำลังไฟฟ้าสูงสุด (peak) ที่ 270 กิโลวัตต์ 

158737334416

หลังเปิดตัว 2 รุ่นแรกมาระยะหนึ่ง ปอร์เช่ ก็เพิ่มทางเลือกด้วยรุ่น 4 เอส ที่ใช้แบตเตอรีขนาด  79.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่ก็มีตัวเลือกคือเพอร์ฟอร์แมนซ์ แบตเตอรี พลัส ที่ใช้แบตเตอรีขนาดเดียวกับ 2 รุ่นก่อนหน้านี้  

ไทคานน์ 4 เอส อัตรเร่ง 0-100 กม./ชม. 4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 250 กม./ชม.ใช้งานได้ สูงสุด 407 กม, ส่วนรุ่นที่ติดตั้งชุดเพอร์ฟอร์แมนซ์ แบตเตอรี พลัส เพิ่มขึ้นเป็น 463 กม.

ล่าสุด ไทคานน์ ประสบความสำเร็จ กับการคว้า 2 รางวัลจาก World Car of the Year โดยได้คะแนนเอกฉันท์จากสื่อมวลชนสายยานยนต์นานาชาติ คือ World Luxury Car และรางวัล World Performance Car of the Year

และในส่วนของ  World Performance  นอกจากไทคานน์จะครองตำแหน่งแล้ว ยังพ่วง 911 และ 718 สไปเดอร์/เคย์แมน จีที4 ได้ตำแหน่งรองแชมป์ด้วย 

ไมเคิล สไตเนอร์ สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงานวิจัยและพัฒนา กล่าวว่าการคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาได้ถึง 2 ประเภท เป็นสิ่งยืนยันต่อความมุ่งมั่นทุ่มเทในการพัฒนา ไทคานน์

"เราต้องการสร้างสรรค์ยานพาหนะที่มุ่งเน้นไปยังผู้ขับขี่เป็นหลัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของเราสามารถเป็นทั้งยานพาหนะสมรรถนะสูง ควบคู่กับอรรถประโยชน์อันเหนือชั้นในฐานะของยานพาหนะที่รองรับต่อการใช้งานประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลสุดล้ำ และความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทั้ง4 ที่นั่ง" สไตเนอร์กล่าว