NEX ขายหุ้นPP 46 ล้านหุ้น ราคา2.30บ./หุ้นให้'คณิสสร์-พรเลิศ'

NEX ขายหุ้นPP 46 ล้านหุ้น ราคา2.30บ./หุ้นให้'คณิสสร์-พรเลิศ'

บอร์ด NEX อนุมัติขายหุ้นPP 46 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ2.30 บาทแก่นักลงทุนในวงจำกัด 2 ราย "คณิสสร์ ศรีวชิระประภา -พรเลิศ เตชะรัตโนภาส"หวังนำเงิน105.80 ล้านบาท ขยายธุรกิจ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรวมถึงชำระหนี้

นายเอนก ปิ่นวนิชย์กุลประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บมจ. เน็กซ์ พอยท์ (NEX) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัทมีมติอนุมัติการจัดสรรจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป( General Mandate) ให้กับนักลงทุนบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 46 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 7.61 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว  คือ  1.นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา จำนวน 23 ล้านหุ้น และ 2 นายพรเลิศ เตชะรัตโนภาส จำนวน จำนวน 23 ล้านหุ้น  ในราคา 2.30 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 105.80 ล้านบาท ซึ่งราคาเสนอขายดังกล่าวมีส่วนลด9.41%ของราคาตลดโดยกำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 20- 22 เมษายน 2563

สาเหตุที่มีการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวให้กับนายคณิสสร์ และ นายพรเลิศ เพราะ เป็นผู้ลงทุนที่มีฐานะการเงินมั่นคงและมีศักยภาพในการลงทุนในบริษัทฯ รวมทั้งมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่ช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ โดยนายคณิสสร์ ถือเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญอุตสาหกรรมรถบัส ขณะที่นายพรเลิศ มีความเชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงิน และปรับโครงสร้างหนี้ เคยทำงานร่วมกับบริษัทเงินทุน และบริษัทหลักทรัพย์ ชั้นนำหลายแห่ง โดยปัจจุบันเป็นผู้จัดการบริษัท ออนไลน์ แอสเซ็ท จำกัด ให้บริการลูกค้าภายใต้เว็บไซต์ www.eFinanceThai.com และเริ่มโปรเจคงานด้าน IR ที่มีเว็บไซต์ www.eFinanceThai.com เป็นตัวซัพพอร์ต ส่งผลให้งานด้าน IR เป็นที่ยอมรับของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมั่นใจว่าทั้ง 2 ท่านจะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต


ส่วนเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวบริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อขยายกิจการตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ จำนวนประมาณ 25 ล้านบาท ,ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินกิจการและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทฯ จำนวนประมาณ30.80 ล้านบาท และ เพื่อชำระหนี้เจ้าหนี้ทางการค้าจำนวนประมาณ 50 ล้านบาท