‘ค้าปลีก’ เข้มมาตรการปลอดภัยเตรียมพร้อมเคาะเปิดห้าง 1 พ.ค.

เกาะติดวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 “วันต่อวัน” สำหรับประเทศไทยแม้จะยังไม่มีการระบุชัดเจนว่าก้าวข้ามช่วงเวลาที่หนักหน่วงหรือเลวร้ายที่สุดมาแล้วหรือไม่? แต่สถานการณ์โดยรวมคลายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลง! นำสู่การพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ “กึ่งล็อกดาวน์” ภายในสัปดาห์นี้  อย่างเช่น ร้านตัดผม ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า แต่ยังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการบริหารจัดการทางด้านความปลอดภัยสูงสุด! ยกตัวอย่าง การเปิดร้านตัดผม ผู้ประกอบการต้องมีการจัดการสถานที่ จัดที่นั่ง ที่นอนสระผมให้ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ไม่ให้มีที่นั่งรอในร้าน แต่ใช้บัตรคิวแทน ให้บริการสระผม ตัดผม ไม่เกิน 2 ชั่วโมง งดบริการที่ต้องใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เช่น แต่งหน้า พนักงานต้องใส่หน้ากาก เช็ดพื้นผิวสัมผัสทุกชั่วโมงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ จัดให้มีเจลแอลกอฮอล์บริเวณทางเข้าร้าน

รวมทั้ง การเปิดร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ผู้ประกอบการจะต้องบริหารจัดการและควบคุมพื้นที่ จัดบริเวณนั่งรอรับบริการห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร เน้นเปิดร้านที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น ร้านโทรศัพท์ ธนาคาร เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมจำกัดจำนวนคนเข้าไม่เกิน 1 คน ต่อ ตารางเมตร หรือจำกัดระยะเวลาจอดรถ รวมทั้งงดกิจกรรมที่จะทำให้ผู้คนรวมตัวกัน เช่น โปรโมชั่น นาทีทอง มีมาตรการคัดกรองเฉพาะผู้สวมหน้ากากที่สามารถเข้าห้างได้ มีแอลกอฮอล์เจลให้บริการก่อนเข้าห้างสรรพสินค้า ทำความสะอาดอุปกรณ์ พื้นผิวสัมผัส ห้องสุขา เป็นต้น

จะเห็นว่าพฤติกรรมปกติในยุคก่อนเกิดโรคโควิด-19 ไม่สามารถนำมาใช้ในสังคมที่ต้องเฝ้าระวัง! และรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันความเสี่ยง! ต้องไม่ประมาท 

ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ซีอาร์ซี กล่าวว่า เซ็นทรัลรีเทลได้เตรียมความพร้อมตลอดเวลา เพื่อรองรับการกลับมาเปิดบริการของ “หน้าร้าน” อีกครั้ง คาดการณ์ 1 พ.ค. นี้ หากสถานการณ์โควิด-19 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องอยู่ในระดับที่จะสามารถปลดล็อกการ “ล็อกดาวน์” ได้ ภายใต้มาตรการความปลอดภัยสูงสุดที่ยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง ทั้งพนักงาน คู่ค้า และลูกค้า

“เราได้เตรียมพร้อมแผนงานที่จะสร้างความมั่นใจในความพร้อมที่จะเปิดให้บริการที่จะมีการบริหารจัดการทางด้านความปลอดภัยในพื้นที่ การหมุนเวียนของลูกค้า จะไม่ได้เข้ามาทั้งหมดเหมือนเดิม พื้นที่อาจขยับเปิดทีละโซน มีมาตรการคัดกรองที่เข้มข้นเหมือนเดิม ให้ลูกค้าค่อยๆ มาและค่อยๆ ปรับตัวไปพร้อมๆ กัน”

การเฝ้าระวังและแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้ “หน้ากากอนามัย” จะเสมือนเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ชิ้นหลักที่ต้องติดตัวทุกวัน!  คือจุดร่วมของทุกคน ในระหว่างวิกฤติโควิด และหลังโควิด

นอกเหนือจากการเตรียมพร้อมทางด้านสินค้าสำหรับการจำหน่ายทั้งช่องทางออฟไลน์ และพร้อมส่งในช่องทางออนไลน์ การจัดการช่วงเวลาพิเศษให้ผู้สูงอายุ คนพิการ ตั้งครรภ์ สำหรับซื้อของ และช่องการจ่ายเงินพิเศษ  มาตรการ “เว้นระยะห่างทางสังคม”  ยังคงยึดเป็นนโยบายหลักเพื่อไม่ให้เกิดความแออัด การใช้พื้นที่ หรืออุปกรณ์ร่ม เช่น ลิฟต์ บันไดเลื่อน ที่นั่งรับประทานอาหารในร้านค้า ฟู้ดคอร์ท ต้องเว้นระยะ! 

“รูปแบบกิจกรรมการตลาดประเภท บิ๊กเซลอีเวนท์ ต้องหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้มีกระจุกตัวของลูกค้าจำนวนมาก” 

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัดเจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้ากลุ่มวันสยาม (One Siam)  ใจกลางกรุงเทพฯ ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม กล่าวว่า  สถานการณ์ปัจจุบันศูนย์การค้าในกลุ่มวันสยามขานรับและปฏิบัติตามคำสั่งภาครัฐขานรับนโยบายลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันได้เตรียมความพร้อมทางธุรกิจรองรับสถานการณ์เมื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ   

“เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ สยามพิวรรธน์เชื่อมั่นว่า ลูกค้าจะกลับเข้ามาจับจ่ายชอปปิงภายใน สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม อย่างอบอุ่น  จากความผูกพันและความคิดถึงศูนย์การค้า ที่ได้จากการมอนิเตอร์ข้อความและคอมเมนท์ในสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งลูกค้าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคิดถึงบรรยากาศการชอปปิง รับประทาน และนัดพบเพื่อนๆ ที่ วันสยาม”

สยามพิวรรธน์ ได้เตรียมความพร้อมมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันระดับสูงสุด ตั้งจุดคัดกรอง พร้อมติดตั้งเครื่องสแกนวัดอุณหภูมิร่างกาย บริเวณทางเข้าออกหลักของอาคาร ระบบฆ่าเชื้อโรค  การเช็คทำความสะอาดจุดสัมผัสสาธารณะ ปุ่มกดลิฟท์ ที่จับบันไดเลื่อน ที่จับประตูห้องน้ำ ที่จับประตูอาคารทุกจุด สิ่งเหล่านี้ยังดำเนินการอย่างเข้มข้น 

รวมทั้งแผนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดมากมายเพื่อให้การต้อนรับลูกค้าทุกๆ คน อย่างเต็มที่ ภายใต้กลยุทธ์ “Customer Centric”  ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าไทย ในฐานะ “โกลบอลเดสทิเนชั่น” อย่างมั่นคงต่อไป