ปรับสูงขึ้น

เราคาดว่าดัชนีฯ ปรับสูงขึ้น แนวต้าน 1220 / 1233 จุด แนวรับ 1180 / 1173 จุด รับข่าวดีรายงานผลทดสอบยา Remdesivir ที่ทดสอบโดยรพ.ชิคาโกต่อผู้ป่วย COVID-19 จำนวน 125 คน ส่วนใหญ่หายดีจนกลับบ้านได้แล้ว ส่วนตัวแปรอื่นๆ ที่ต้องติดตามวันนี้ คือ รายงานผลกำไรบจ. กลุ่มธนาคารไทย และรายงาน 1Q20E GDP ของจีน (หากแย่กว่าคาดการณ์ จะเป็นปัจจัยลบ)

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้ ได้แก่

        1) +DJ Future +3% รับข่าวดียา Remdesivir มีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาไวรัสฯ (เป็นบวกต่อตลาดหุ้นโลก)

        2) +/-จับตารายงาน 1Q20E GDP จีน โดยตลาดคาดว่าจะเติบโต -6.5% YoY (เป็นลบต่อเศรษฐกิจเอเชียรวมถึงไทย หากเศรษฐกิจจีนอ่อนแอกว่าคาดการณ์)

        3) +/-จับตารายงานผลกำไร 1Q20E กลุ่มสถาบันการเงินไทย นำโดย SCB (เป็นธนาคารเดียวที่รายงานกำไรโตดีสุด QoQ) KTC (กำไรเติบโตสูงขึ้น 6.1% YoY, 27.9% QoQ)

        4) +คณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพอนุมัติแนวทางปฏิบัติทางบัญชีวานนี้ โดยเป็นมาตรการผ่อนปรนชั่วคราว 2 ฉบับ ช่วยลดผลขาดทุน บจ.ปีนี้ (เป็นผลบวกต่อกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ไฟแนนซ์)

        5) +แนวโน้มการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มทั่วโลก ช่วยหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศ (เป็นผลบวกต่อธุรกิจที่จะได้กลับมาเปิดใหม่)

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: China-1Q20E GDP (BB consensus -6.5% YoY), Industrial Production, Retail Sales

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วานนี้

- ตลาดหุ้นไทยร่วงเป็นวันที่ 2: ตลาดหุ้นไทยร่วงตามคาด และลงมาปิดใกล้ระดับต่ำสุดของวันที่ 1200.15 จุด -35.95 จุด หรือ -2.91% วอลุ่ม 5.96 หมื่นล้านบาท กลุ่มนำลง คือ ไฟแนนซ์ -5.52% ปิโตรฯ -5.14% พลังงาน -4.9% หุ้นร่วงแรงกว่า 5% ได้แก่ PTT PTTGC KCE CPN MTC WHA IRPC SPRC PLANB UNIQ PTTEP TOP EGCO TU COM7 AMATA BCH TMB KKP VGI ส่วนหุ้นปรับขึ้นสวนตลาด คือ THAI STARK BA BGC PJW

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปฟื้นตัว: การคาดหวังว่ารัฐบาลจะเปิดประเทศในไม่ช้านี้และการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มประกันสุขภาพ ช่วยหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรป DJIA +0.14%S&P500 +0.58% Nasdaq +1.66% DAX +0.21% FTSE +0.55%

+/- น้ำมันดิบฟื้น แต่ทองคำร่วง: WTI ปิดไม่เปลี่ยนแปลง Brent +USD0.13 +0.5% ปิด USD27.82/บาร์เรล หลัง EU เสนอแผนแม่บทในการยกเลิกมาตรการควบคุมไวรัสฯ ส่วนทองคำปิดร่วงเป็นวันที่ 2 USD1731.70/ออนซ์ -USD8.50 -0.49% จากแรงขายทำกำไร

ประเด็นสำคัญ

+/- COVID-19 Update ณ วันที่ 16 เม.ย.: พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 2.15 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1.42 แสนราย โดยสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 6.67 แสนราย เสียชีวิต 3.28 หมื่นราย ไทย-จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ณ วันที่ 16 เม.ย. เพิ่มขึ้น 29 ราย สะสม 2,672 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย เป็นสะสม 46 ราย โดย 25 จังหวัด รายงานไม่พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มใน 14 วันทำการที่ผ่านมา Japan-นายกฯ อาเบะประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ หลังก่อนหน้าประกาศฯ เฉพาะโตเกียว โอซากา และอีก 5 จังหวัด คาดสั่งปิดกิจการช่วงหยุดยาว Golden Week วันที่ 2-6 พ.ค. นี้ USA-โบอิ้ง จะเริ่มกลับมาผลิตเครื่องบินตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. เป็นต้นไป และสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเกณฑ์การเปิดประเทศรอบใหม่วานนี้ แต่การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับผู้ว่าการของแต่ละรัฐ

+ มาตรการผ่อนปรน: Germany-เตรียมออกมาตรการผ่อนปรน หลังปิดเมืองตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. Switzerland-ประกาศมาตรการผ่อนคลายตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. เป็นต้นไป โดยอนุญาตให้เปิดร้านทำผม ร้านนวด การเรียนแต่งหน้า ฯลฯ ส่วนร้านค้า ตลาด โรงเรียนจะเปิดตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.