ชายไทยโอกาสป่วยโควิด-19 ตายมากกว่าหญิง 4 เท่า

ชายไทยโอกาสป่วยโควิด-19 ตายมากกว่าหญิง 4 เท่า

สธ.เผยอัตราเสียชีวิตจากโควิด-19 ในไทย 1.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 4 เท่า ชายมีโอกาสป่วยตายมากกว่าหญิง 4 เท่า อัตรารักษาหายอยู่ที่ 62.5% กรมอนามัยเปิดแพลตฟอร์ม thaistopcovid แหล่งรวมสถานประกอบการปลอดภัยโควิด ช่วยคนไทยเช็คก่อนเลือกใช้บริการ

เมื่อเวลา 13.00 วันที่ 17 เมษายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ดี จำนวนผู้ป่วยไม่ได้เพิ่มขึ้นมากและลดลงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้า รวมถึง ไม่มีผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศในระยะนี้หลังจากมีการชลอเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2563 แต่มีเรื่องที่น่าเสียชีวิตคือมีผู้เสียชีวิต ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีการแจ้งเตือนมาเป็นระยะ ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากโดยเฉพาะที่เกิน 70ปีและมีโรคประจำตัวหลายโรค


นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ผู้ที่เสียชีวิตในประเทศไทย จำนวน 47 ราย อัตราป่วยตายของประเทศไทยอยู่ที่ 1.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระดับนานาชาติที่อยู่ประมาณ 6% เท่ากับว่าในระดับโลกอัตราป่วยตายจะสูงกว่าในประเทศไทยเกือบ 4 เท่า แสดงให้เห็นว่าการรักษาพยาบาลในประเทศไทยได้ผลดีและลดการเสียชีวิตได้มาก อย่างไรก็ตาม วิธีที่จะป้องกันการเสียชีวิตได้ดีที่สุดคือการไม่ป่วย ซึ่งโรคนี้ในประเทศไทยผู้ชายป่วยมากกว่าผู้หญิง และเพศชายมีโอกาสป่วยตายมากกว่าเพศหญิง4เท่า โดยอัตราป่วยตายเพศชาย 2.7% เพศหญิง 0.7%


เมื่อพิจารณาอัตราป่วยตายแยกกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มอายุมากกว่า 70 ปีมากที่สุด 12.1 % รองลงมาอายุ 50-59ปี 4 % อายุ 60-69ปี 3.7 % อายุ 40-49ปี 1.9 % อายุ 30-39 ปี 0.6% และอายุ20-29ปี 0.2 % เป็นการแสดงให้เห็นว่าหากมีสมาชิกในครอบครัวที่มีอายุมากต้องปกป้องและดูแลอย่างดี เพราะมีโอกาสที่จะติดเชื้อและเสียชีวิตได้ และโรคประจำตัวในกลุ่มผู้ที่เสียชีวิต ได้แก่ เบาหวาน 41 % ความดันโลหิตสูง 36 % ไขมันในเลือดสูง 18 % หัวใจ 14 % ไต 9 % ภาวะอ้วน 7 % และอื่นๆ 14 % แต่มีบางคนที่เสียชีวิตโดยที่ไม่มีโรคประจำตัว เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อและเมื่อมีอาการต้องรีบไปรับการตรวจวินิจฉัย

ผู้สื่อข่าวถามถึงจำนวนผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและต้องเข้ารับการกักกันในสถานที่ที่รัฐจัดให้ นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯมีจำนวน 462 คน ในสถานที่ 3 แห่ง และต่างจังหวัด 136 คน ในสถานที่ 2 แห่ง รวม598 คน อย่างไรก็ตาม จำนวนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวันเพราะมีการกลับมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนโยบายนี้เป็นสิ่งสำคัญทำให้ผู้ที่เดินทางกลับมาและติดเชื้อมาด้วยได้เข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว ไม่ไปแพร่เชื้อต่อให้คนอื่น เช่น คนที่กลับมาจากอินโดนีเซียติดเชื้อมาด้วย61 คน จากอเมริกาติดเชื้อมาด้วย 2 คน แต่เมื่อเข้าอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ตั้งแต่ต้น ทำให้ได้รับการดูแลรักษาเร็วและไม่แพร่เชื้อต่อ เป็นนโยบานที่รัฐจะดำเนินกาต่อไป เพื่อสร้างความปลอดภัย


นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ณ วันที่ 17 เมษายน 2563 ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 2,700 ราย มีผู้ที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 964 ราย และผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้าน 1,689 ราย โดยประเทศไทยมีอัตรารักษาหายอยู่ที่ 62.5% มากกว่าหลายประเทศ และมีอัตราเสียชีวิตต่ำ จะเห็นได้ว่าหากผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาได้เร็ว โอกาสจะรักษาหายมีมาก ทำให้ประชาชนสูญเสียน้อยลง และเป็นการลดการแพร่กระจายในชุมชน และขอให้ประชาชนเมื่อเข้ารับกากรักษาพยาบาล ต้องบอกข้อมูลประวัติตามความเป็นจริงอย่าปกปิด เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เตรียมความพร้อมในการดูแลรกัษาผู้ป่วย และป้องกันการแพร่เชื้อให้กับคนอื่นได้อย่างเต็มที่

ด้านนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การใช้ชีวิตของคนไทยในสถานการณ์โควิด -19 ต้องสร้างมาตรฐานใหม่ในสังคมไทยในการอยู่ร่วมกับโควิด โดยจะต้องสวมหน้ากากผ้า เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆและทำความสะอาดสถานที่ต่างๆเป็นประจำ สิ่งเหล่านี่จะต้องทำให้เป็นนิสัยซึ่งจะช่วยป้องกันได้หลายโรค นอกจากนี้ ต้องทำให้ประชาชนสามารถเลือกใช้สถานประกอบการต่างๆอย่างมั่นใจว่าปลอดภัยจากการติดโควิด-19 โดยสถานประกอบการต้องสร้างความมั่นใจความปลอดภัยโควิดให้กับประชาชน


กรมอนามัยได้สร้างแพลตฟอร์ม https://stopcovid.anamai.moph.go.th ที่เป็นแหล่งรวบรวมสถานประกอบการต่างๆที่ผ่านมาตรฐานกรมอนามัยในการป้องกันโควิดและเป็นสถานประกอบการมาตรฐาน ทั้งตลาด ฟิตเนส ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย และอื่นๆที่จะทยอยมีมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปพิจารณาเลือกได้ว่าสถานประกอบการใดที่มีมาตรฐาน และเมื่อไปใช้บริการแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานก็สามารถแจ้งร้องเรียนมาได้ที่กรมอนามัย เพื่อจะได้ลงไปตรวจสอบ กำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐาน