อสังหาฯใจชื้นโควิดส่อคลี่คลาย ชงปลดล็อกLTV-ยืดบ้านดีมีดาวน์

อสังหาฯใจชื้นโควิดส่อคลี่คลาย  ชงปลดล็อกLTV-ยืดบ้านดีมีดาวน์

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พบผู้ป่วยใหม่ลดจำนวนลงต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ว่าจะลากยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่งผลให้หลายภาคส่วนเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หนึ่งในนั้นคือ อสังหาฯ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พบผู้ป่วยใหม่ลดจำนวนลงต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ว่าจะลากยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่งผลให้หลายภาคส่วนเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หนึ่งในนั้นคือ ภาคอสังหาริมทรัพย์

วสันต์ เคียงศิริ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ขณะนี้ดูเหมือนสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งหากทุกอย่างคลี่คลายได้เร็วกว่าประเทศอื่น คาดว่า กลางเดือนพ.ค.นี้การค้าขายในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาสู่ภาวะปกติ ส่วนตลาดต่างประเทศต้องรอไปอีกระยะ

อย่างไรก็ตาม แม้ทุกคนจะสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงกับปกติมากขึ้น แต่ยังคงต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำอีก

“ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะอสังหาฯที่ซื้อขายกันในประเทศจะกลับมาฟื้นตัวหลังชะงักไป1-2 เดือน ดีกว่าลากยาวไปกว่านี้ ซึ่งปกติช่วงเม.ย. พ.ค. อสังหาฯแนวราบ ถือเป็นช่วงโลว์ซีซัน เพราะติดสงกรานต์ และพ.ค. มีวันหยุดหลายวันช่วงต้นเดือน ที่ไม่ค่อยมีใครทำโปรโมชันอะไร พอมากลางเดือนพ.ค. ถึงเริ่มกลับมาทำตลาด”

วสันต์ มองว่า หลังจากความเชื่อมั่นของคนกลับมา การใช้ชีวิตและกิจกรรมทางธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แต่ในส่วนของการท่องเที่ยวคงยังไม่กลับมาเร็ว ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศดีขึ้น ในส่วนของภาคอสังหาฯ คงต้องปรับตัวและรอจังหวะเวลาที่นำเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ กับภาครัฐ เพื่อกระตุ้นยอดขาย

เนื่องจากอสังหาฯ ถือเป็นกลจักรหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่มีประสิทธิภาพจากธุรกิจต่อเนื่องที่มีจำนวนมาก ทั้งในตลาดวัสดุก่อสร้าง รับเหมา และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นอะไรที่เป็นอุปสรรคก็ควรจะปลดล็อก เช่น มาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาฯ ก็พูดมาตลอดว่าธุรกิจคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบค่อนข้างแรง

อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นอสังหาฯต่างๆ ผู้ประกอบการคงต้องหารือกันในรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนเสนอกับรัฐบาล นอกจากปลดล็อกแอลทีวี อีกมาตรการที่เห็นว่าควรดำเนินกาคือ โครงการบ้านดีมีดาวน์ ที่หมดลงไปแล้วนั้น น่าจะยืดขยายโครงการนี้ ออกไปถึงสิ้นปีนี้

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท -บ้านเดี่ยวและคอนโด บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) ระบุว่า อยากให้ภาครัฐขยายโครงการ บ้านดีมีดาวน์ สิ้นปีนี้ และเปิดโอกาสให้คนที่ซื้อบ้าน คอนโดทุกระดับราคาได้สิทธิ์ ลดหย่อนค่าโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง รวมทั้งนำเงินต้นที่ซื้อบ้านไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ ยกเลิก หรือเลื่อนมาตรการแอลทีวีออกไปกลางปีหน้า

นอกจากนี้ควรเพิ่มระยะเวลาวีซ่าให้ชาวต่างชาติอยู่ได้นานขึ้น เพราะเป็นโอกาสที่ทำให้ชาวต่างชาติมาซื้อคอนโดมากขึ้นหลังจากโควิดคลี่คลาย รวมทั้งผ่อนเกณฑ์การปล่อยกู้ให้อาชีพภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เช่น ธุรกิจการบิน โรงแรม ท่องเที่ยว อาชีพอิสระ และเพิ่มเพดานราคาที่อยู่อาศัย ที่สำนักงานคณะกรรมส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ส่งเสริมเพื่อผู้มีรายได้น้อยจาก1.2ล้านบาทเป็น1.5 ล้านบาท

สมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการที่ส่งเสริมให้คนมีบ้าน โดยไม่เสียวินัยทางการเงิน เป็นสิ่งที่ดี หากตรงไหนที่รัฐบาลทำได้ควรทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเดียว สามารถทำหลายมาตรการควบคู่กันไปได้ เพราะเศรษฐกิจในประเทศถูกกระทบในหลายอุตสาหกรรมและหลายด้าน มาตรการบางอย่างอาจจะช่วยในเชิงจิตวิทยา บางมาตรการอาจช่วยในการตัดสินซื้อของลูกค้าโดยตรงก็เป็นสิ่งที่ดี ยกตัวอย่าง โครงการบ้านดีมีดาวน์ ที่ออกมาช่วยลดภาระการผ่อนดาวน์ จำนวน 50,000 บาทต่อรายที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านนั้น ถือเป็นมาตรการที่ช่วยลดภาระให้กับผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี จากข้อมูลบริษัทในเดือนมี.ค. พบว่า สัดส่วนลูกค้าที่ใช้มาตรการนี้ในการซื้อบ้านของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 30-40 %