หลังวิกฤติโควิด! จับตาเมกะเทรนด์ Work From Hometown!

หลังวิกฤติโควิด! จับตาเมกะเทรนด์ Work From Hometown!

เอ็นไอเอ แนะจับตาเทรนด์ใหม่ทางสังคมหลังวิกฤติโควิด “เวิร์คฟรอมโฮมทาวน์” กระแสคนทำงานจากบ้านมีแนวโน้มขยายตัว ขณะที่เทคโนโลยีดิจิทัลรองรับพร้อมสรรพ เทรนด์ "กลับบ้าน" จึงมีแนวโน้มชัดเจนขึ้นอย่างน่าสนใจ!

นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือเอ็นไอเอ เปิดเผยว่า มาตรการการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ได้กลายเป็นปรากฏการณ์การทำงานรูปแบบใหม่ของหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อาจจะได้เห็นการเริ่มต้นทำงานที่บ้านของหลายๆ บริษัทอย่างจริงจังมากขึ้น

158695139536


โดยเฉพาะในธุรกิจนวัตกรรมบริการ ธุรกิจนวัตกรรมการสื่อสาร ซึ่งรวมถึงสื่อแ
ละผู้พัฒนาระบบ ธุรกิจนวัตกรรมการเงินและการตลาด (ฟินเทค) หรือแม้แต่หน่วยงานในกำกับราชการ ที่จะขยายโอกาสให้บุคลากรได้มีการทำงานจากนอกสำนักงานมากขึ้น ทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่น รวมทั้งจะได้เห็นสตาร์ทอัพและนักพัฒนาเทคโนโลยีออกมานำเสนอแพลตฟอร์มใหม่ๆ เพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกกับการทำงานเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการ Work From Home จะเป็นกระแสที่มาแรงและมีความน่าสนใจ แต่กระแสดังกล่าวอาจยังไม่ใช่ความปกติในรูปแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า New Normal สำหรับสังคมการทำงานของประเทศไทย เนื่องจากในบางธุรกิจก็ยังไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต เพราะต้องใช้แรงงานคนขับเคลื่อน และบางอุตสาหกรรมยังจำเป็นต้องพึ่งพาฝีมือแรงงานเกือบ 100% 

นอกจากนี้ แม้ว่าบางบริษัทจะเริ่มให้ความกับการทำงานที่บ้านมากขึ้น แต่ในทางปฏิบัติอาจยังไม่สามารถทำได้ในระยะยาว เนื่องจากยังมีกลุ่มคนที่คุ้นเคยกับการทำงานในระบบออฟฟิศแบบดั้งเดิม การติดต่อธุรกิจที่ไม่สามารถกระทำผ่านอินเทอร์เน็ตได้ อีกทั้งคงต้องการพบปะเพื่อพูดคุยในทางสังคม รวมไปถึงการระดมสมองในระหว่างการทำงาน 

เอ็นไอเอคาดการณ์ว่า ตั้งแต่กลางเดือน เม.ย.เป็นต้นไป หากจำนวนผู้ติดเชื้อในไทยจะเริ่มลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ หลายบริษัทอาจจะเลือกเวิร์คฟรอมโฮมถึงแค่ช่วงสิ้นเดือนนี้ แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นและไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 3 เดือน คาดว่าจะต้องเวิร์คฟอร์มโฮมไปจนถึงสิ้นปี 2563 และภาครัฐรวมถึงประชาชนจะต้องเริ่มวางแผนการใช้ชีวิตแบบใหม่หลังจบเดือน มิ.ย.นี้

158694836444

 

สิ่งที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่หลังจากการระบาดของโควิด -19 จบลงอีกอย่างหนึ่งก็คือ การทำงานจากบ้านเกิดกันมากขึ้น หรือเรียกว่า “การอพยพทางเศรษฐกิจกลับบ้าน” (Home-coming economic migration) คนจะเลือกทำงานในถิ่นฐานเมืองรองมากขึ้น และใช้การสื่อสารผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น แต่ในภาวะวิกฤตินี้ทำให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีในด้านสาธารณสุขขึ้นมากมาย รวมถึงนวัตกรรมอื่นที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตในช่วงนี้ เช่น นวัตกรรมการเว้นระยะทางสังคม นวัตกรรมด้านการศึกษา นวัตกรรมการใช้ความช่วยเหลือ ฯลฯ

เรื่องที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนคือ ช่วงไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ธุรกิจสตาร์ทอัพ และเอสเอ็มอีอาจมีการหยุดชะงัก แต่ยังไม่ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ยกเว้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรค ระบบโลจิสติกส์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค การบริการด้านการเงิน และอาหาร ที่สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสในช่วงนี้ได้"

158695798995


นอกจากเอ็นไอเอจะมีทุนสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวแล้ว ยังได้ริเริ่มสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงกลุ่มบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ตรงตามความต้องการของโรงพยาบาลและประชาชน เพื่อให้เกิดการนำนวัตกรรมไปใช้ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ คาดว่าในระยะหลังจาก 6 เดือนเป็นต้นไป
จะเริ่มเกิดปัญหาสภาพคล่อง จึงได้เร่งหามาตรการด้านการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือด้านองค์ความรู้และการพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรมองค์กรผ่านหลักสูตร และโปรแกรมต่างๆ” นายพันธุ์อาจ กล่าว