'พลังงาน' จ่อลดค่าไฟเพิ่ม-เลื่อนไทม์ไลน์ยื่นเสนอโรงไฟฟ้าชุมชน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้รับทราบข้อเสนอแนะของภาคเอกชน ที่เรียกร้องให้ภาครัฐพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าลงในอัตรา 5% ให้กับภาคธุรกิจขนาดใหญ่ จากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)ได้มีมติให้การไฟฟ้าฯ ปรับลดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสุทธิที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ลง 3% ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท ตั้งแต่ เม.ย. - มิ.ย. 2563 โดยเบื้องต้น ได้สั่งการให้ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ไปพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว ว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร

“ที่ผ่านมา เราช่วยผู้ใช้ไฟฟ้ารายเล็ก และ SME ไปแล้ว ครั้งนี้เข้าใจว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่ ต้องการให้รัฐเข้าไปช่วยเหลือ ก็ต้องไปดูว่าจะทำได้อย่างไร ผมก็ติดตามทุกข้อเสนอ มีอะไรทำได้ ก็ดูให้หมด”

ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2563 มีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม จากผลกระทบโรคโควิด-19 อาทิ การปรับลดค่าไฟ ให้เฉพาะธุรกิจ และ SMEs รวมถึง บ้านพัก ลงมา 5% เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจทั้งหมด อีกทั้ง ปัจจุบันต้นทุนราคาน้ำมันได้ลดลงอย่างมาก จึงขอให้รัฐพิจารณาปรับอัตราค่าไฟฟ้าอผันแปรอัตโนมัติ( Ft) ให้สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงด้วย

นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากว่า ขณะนี้ คณะกรรมการบริหารการรับซื้อไฟฟ้าโรงไฟฟ้าชุมชน ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน อยู่ระหว่างรวมรวมข้อมูลจัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขออกประกาศคัดเลือกโครงการฯ หรือ ทีโออาร์ ในครั้งสุดท้ายให้สมบูรณ์แบบ และสอดรับกับระเบียบโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ออกประกาศเมื่อ 2 เม.ย. 2563 

ดังนั้น กำหนดการเดิมที่จะเปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ประเภทเร่งด่วน หรือ Quick Win จำนวนไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ ต้องเลื่อนออกไปก่อน โดยคาดว่า กรอบระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า และน่าจะสามารถเปิดยื่นเสนอโครงการฯได้ภายในเดือน เม.ย.นี้ จากนั้นจะเริ่มทำการพิจารณาคัดเลือกโครงการฯในล็อตแรกได้ ภายในเดือน พ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า โครงการฯนี้ จะมีภาคเอกชนสนใจเข้าร่วมลงทุนอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีเรื่องของโควิด-19 เข้ามากระทบแผนงานไปบ้าง แต่หลังจากจบสถานการณ์โควิด-19 แล้ว โครงการฯนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่จะต้องกำหนดกรอบระยะเวลาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย และยืนยันว่าจะพิจารณารับซื้อโครงการที่เน้นส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในชุมชนเป็นหลัก