พลเอก ประวิตร สั่งเด็ดขาด เร่งแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ

พลเอก ประวิตร สั่งเด็ดขาด เร่งแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ

พร้อมถอดบทเรียน เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมหลังสถานการณ์คลี่คลาย

โดย วันนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ ไฟป่าหมอกควัน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน พร้อมประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (วีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์) ร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และ ผู้บริหาร ทส. เข้าร่วมการประชุม ณ ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก จังหวัดเชียงใหม่

แม้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายขึ้น โดยจำนวนจุดความร้อนและค่าฝุ่นฯ PM2.5 ลดลง แต่ พลเอกประวิตรสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระดมสรรพกําลัง อุปกรณ์เครื่องมือ และอากาศยานเข้าดับไฟ ไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้างและให้ดับไฟให้สนิท และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุมเข้มและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้มีการเผาตลอดช่วงห้ามเผาที่จังหวัดกําหนด และเร่งเตรียมการรับมือการเผาสําหรับเกษตรกรหลังพ้นช่วงห้ามเผาด้วย

สําหรับการจุดไฟเผาป่า ต้องหาตัวผู้กระทําผิดให้ได้ และให้เร่งส่งฟ้องและดําเนินคดีโดยเร็ว

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้จับตากลุ่มเสี่ยงในตำบลและหมู่บ้านที่มีพฤติกรรมการเผาป่า หรือหาของป่า ล่าสัตว์

ผู้ได้รับสิทธิ์ในการใช้ ประโยชน์พื้นที่ป่า เช่น การจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามแนวทาง คทช. หากพบว่ามีการเผาในพื้นที่ ขอให้ตัดสิทธิ์ทันที

สําหรับปัญหาหมอกควัน ข้ามแดน พลเอกประวิตรสั่งการให้ ทส. หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน หารือกับประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชาใหม่ เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และหากพบการเพิ่มขึ้นอย่างมากของจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้าน ให้ประสานงานกับสํานักเลขาธิการอาเซียนอย่างใกล้ชิด


รวมทั้งให้กองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดชายแดน เจรจาสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง หากมีความจําเป็นหรือมีการร้องขอความช่วยเหลือในการดับไฟ ให้พิจารณาช่วยเหลือตามความเหมาะสม

นอกจากนี้ ให้จังหวัดหา safe zone ที่บ้าน เพื่อลดผลกระทบจากมลพิษ และหลังสิ้นสุดสถานการณ์ ให้ มีการถอดบทเรียนเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดและยั่งยืนต่อไป โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม

ทางด้านสภาลมหายใจเชียงใหม่ได้มีโอกาสนำเสนอแนวคิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาร่วมกับรัฐ แต่แหล่งข่าวกล่าวว่าแม้จะมีการรับฟังข้อเสนอและสั่งการให้นำไปปฏิบัติ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถปฏิบัติได้จริงมากน้อยขนาดไหนเนื่องจากระบบราชการ แหล่งข่าวระบุ