ลดความร้อนแรง

ลดความร้อนแรง

ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงหลัง EIA ลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ปีนี้ลง 23% สู่ระดับ 29.34 US/Barrel  รวมถึงแรงขายลดความเสี่ยงทางสัญญาณเทคนิคหลังดัชนีดีดตัวขึ้นแรงเข้าใกล้แนว GAP ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดสลับอ่อนตัวลง

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้พุ่งขึ้นแรงปิดที่ 1,214.95 จุด (+76.11 จุด) หรือ +6.68% ด้วย Volume ซื้อขาย 9.9 หมื่นล้านบาท ตอบรับ sentiment เชิงบวกยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัส Covid-19 ชะลอตัวลงทั้งฝั่งยุโรป, สหรัฐ และไทย ประกอบกับครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 3 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท  ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่มหลักได้แก่ Trans , Energ , Comm และ Tourism หนุนดัชนี ส่วนนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 507 ล้านบาท  แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,677 ล้านบาท และ Net Short TFEX 30,911 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,200 – 1,235 จุด แม้ว่าภาวะตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัส Covid-19 ชะลอตัวลงทั้งในฝั่งยุโรป ,สหรัฐรวมถึงไทย โดยในสหรัฐผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 7% ส่วนไทยเพิ่มขึ้นเพียง 38 ราย บ่งบอกถึงสถานการณ์แพร่ระบาดที่ผ่อนคลายลง นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 3 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาทที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุนในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงหลัง EIA ลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ปีนี้ลง 23% สู่ระดับ 29.34 US/Barrel  รวมถึงแรงขายลดความเสี่ยงทางสัญญาณเทคนิคหลังดัชนีดีดตัวขึ้นแรงเข้าใกล้แนว GAP ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดสลับอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มค้าปลีก (CRC, HMPRO, GLOBAL) และกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม (AOT, CENTEL, MINT, ERW) ได้อานิสงส์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid-19 ชะลอตัวลง
  • กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ค่อนข้างน้อย ICT (ADVANC, INTUCH, DTAC) และกลุ่มอาหาร (CPF)
  • กลุ่ม Defensive Stock ที่มี Div. yield ดี  (TTW, BCPG)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • CPALL (ปิด 62.5 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 88 บาท) ได้ Sentiment บวกภาครัฐเสนอให้เพิ่มจำนวนผู้ที่ได้รับการเยียวยาจากผลกระทบของไวรัส Covid 19 จำนวน 5,000 บาทต่อราย เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านรายเป็น 9 ล้านราย และขยายเวลาการเยียวยาเพิ่มขึ้นจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน และ CPALL ยังได้ประโยชน์จากมาตรการคืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า 21 ล้านครัวเรือนมูลค่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งประชาชนเริ่มทยอยได้รับเงินคืนแล้ว
  • BCPG (ปิด 14 ซื้อ/เป้า 19.8) เป็นหุ้น Defensive ที่ Valuation ไม่แพงซื้อขายบน PE ต่ำเพียง 10 เท่าจ่ายปันผลสม่ำเสมอให้ Dividend yield ประมาณ 5-6% ต่อปี เทียบกับ PE เฉลี่ยของกลุ่มที่ 20-30 เท่าและ Dividend yield ประมาณ 2% นอกจากนี้ BCPG ยังมี Growth story จากจำนวน MW ที่เพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้า Nam San 3A และ 3B ในเวียดนาม, โรงไฟฟ้าพลังงานลม Swan กำลังการผลิต 270MW ในลาว และโรงไฟฟ้า solar สี่แห่ง 75MW ในญี่ปุ่น

บทวิเคราะห์วันนี้

AOT (ปิด 57.5 ปรับลดเป็นถือ/เป้า 58), PTTEP (ปิด 86.75 ปรับลดเป็นถือ/เป้า 80)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงหลุดระดับ 25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้งหลัง EIA ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ: การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบยังเป็นไปอย่างผันผวนโดนวานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงอีก 2.45 ดอลลาร์ (-9.4%) ปิดที่ระดับ 23.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดถูกกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) ออกมาปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT สู่ระดับ 29.34 และ 33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลลดลง 23% และ 24% จากคาดการณ์ครั้งก่อนเมื่อเดือน มี.ค. ขณะเดียวกันก็ปรับลดคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลงเช่นกันแต่ปรับลดเพียง 9.5% เป็น 11.76 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงประมาณ 20% อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบยังมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งเนื่องจากพรุ่งนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งเราต้องติดตามดูว่ากลุ่ม OPEC+ จะลดกำลังการผลิตมากหรือน้อยกว่าที่โดนัล ทรัมป์ คาดการณ์ไว้ (คาดลด 10-15 ล้านบาร์เรล)
  • (+) ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ในไทยลดลงต่อเนื่อง ส่วนต่างประเทศ สหรัฐเริ่มทรงตัว แต่ฝรั่งเศสกับมาเพิ่มขึ้นแรงอีกครั้ง: วันนี้จีนประกาศเปิดเมืองอู่ฮั่นหลังจากควบคลุมการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ได้สำเร็จ ส่วนไทยวานนี้กระทรวงสาธารณสุขรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพียง 38 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต นับเป็นตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำที่สุดในรอบ 20 วัน (ผู้ติดเชื้อรวม2,258ราย) เช่นเดียวกับสถานการณ์ในต่างประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทรงตัวที่ระดับ 28,000 รายต่อวัน เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 34,000 คนต่อวัน อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในฝรั่งเศสเริ่มกลับมาเป็นที่กังวลอีกครั้งหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่กับมาพุ่งขึ้นเป็น 11,000 คน เทียบกับวันก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 5,100 คน
  • (+) มาตามนัด ครม.อนุมัติมาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัส Covid-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านบาท: วานนี้ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติมาตรการดูแลและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส Covid-19 ระยะที่ 3 มูลค่ารวม 1.9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10-12% ของ GDP ใกล้เคียงกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสิงคโปร์และมาเลเซียที่ 11% และ 18% ของ GDP ตามลำดับ โดยมาตรการครั้งนี้จะดำเนินการผ่านการออก พ.ร.ก. 3 ฉบับ คือ 1) พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อสนับสนุนงานด้านสาธารณสุข, ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผ่านโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 5,000 บาทต่อราย เป็นเวลา 6 เดือนจากเดิม 3 เดือน , 2) พ.ร.ก.ให้ ธปท. ออก Soft loan ช่วยเหลือ SME มูลค่า 5 แสนล้านบาท คิดดอกเบี้ย 2% สำหรับวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท และ, พักชำระหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 6 เดือน สำหรับหนี้วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท และ 3) พ.ร.ก.ดูแลเสถียรภาพภาคการเงินมูลค่า  4 แสนล้านบาท โดยจะให้แบงก์ชาติมาช่วยรับซื้อพันธบัตรเอกชน (Rollover) เพื่อลดปัญหาการผิดนัดชำระหนี้และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน