‘2หุ้นเจ้าสัว’ชนซิลลิ่ง หลังราคาไอพีโอดิ่ง50%

‘2หุ้นเจ้าสัว’ชนซิลลิ่ง  หลังราคาไอพีโอดิ่ง50%

“2หุ้นเจ้าสัว” เซ็นทรัล รีเทลและ - แอสเสท เวิรด์ กอดคอวิ่งชนซิลลิ่ง หลังจากราคาหุ้นดิ่งลงต่ำสุดถึง 50% หลังขายไอพีโอ

หุ้นไอพีโอระดับ "แสนล้าน" 2 บริษัท ล่าสุด คือ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ของตระกูลจิราธิวัฒน์ และ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) ของตระกูลสิริวัฒนภักดี ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ณ วันแรกที่เข้าซื้อขายในระดับ 2.5 แสนล้านบาท และ 1.85 แสนล้านบาท ตามลำดับ

ภายหลังจากเข้ามาจดทะเบียนแล้ว ราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัท ต่างปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากราคาไอพีโอ โดยราคาหุ้นของ CRC ลดลงจาก 42 บาท ไปทำจุดต่ำสุดที่ 21 บาท หรือลดลงถึง 50% ขณะที่ราคาหุ้นของ AWC ลดลงจาก 6 บาท ไปทำจุดต่ำสุดที่ 2.7 บาท ลดลงถึง 55%

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทฟื้นตัวกลับมาได้อีกครั้งในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้การฟื้นตัวจะยังกลับมาไม่ถึงราคาไอพีโอ แต่เมื่อพิจารณาเปอร์เซ็นต์การฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดแล้วจะเห็นว่าทั้ง CRC และ AWC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ฟื้นตัวได้ค่อนข้างโดดเด่นราว 50% โดยเฉพาะวันทำการล่าสุด หุ้นทั้งสองตัวนี้ปรับขึ้นมาชนระดับสูงสุดของวัน (Ceiling) โดย CRC ปิดที่ 31.75 บาท ขณะที่ AWC ปิดที่ 4.04 บาท

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวแรงของหุ้น CRC เป็นผลจากการที่แนวโน้มการควบคุมโรคระบาดทำได้ดีมากขึ้น และตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่ลดลง 2 วันติดกัน ขณะที่มาตรการปิดห้างสรรพสินค้าดูเหมือนจะให้ผลบวก หากสามารถกลับมาเปิดบริการได้เร็วก็จะยิ่งเป็นบวกกับหุ้น

“หลังจากนี้คงต้องติดตามสถานการณ์โควิดในแต่ละวัน หากตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาทะลุ 100 รายต่อวัน ก็อาจจะเกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นเหล่านี้ได้ เพราะที่่ผ่านมาราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นมาแล้วถึง 50% เบื้องต้นประเมินว่าราคาหุ้นคงเป็นลักษณะไซด์เวย์”

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาหุ้น CRC ที่ปรับตัวลดลงมาก่อนหน้านี้ เป็นผลจากมาตรการภาครัฐที่ควบคุมการเปิดปิดของห้างสรรพสินค้าจากผลกระทบโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบข้างต้นไปพอสมควรแล้ว ทำให้มูลค่าปัจจุบันน่าสนใจ โดยซื้อขายอิงค่า P/E ปี 2564 เพียง 19.4 เท่า เทียบการเติบโตเฉลี่ย 6% ในช่วงปี 2562 – 2565

เราคาดกำไรปกติปี 2563 ที่ 6.8 พันล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน แต่กำไรสุทธิลดลง 29% เนื่องจากปีก่อนมีกำไรพิเศษจากเงินชดเชยประกันเพลิงไหม้ห้าง Zen 3,283 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติปี 2564 จะกลับมาเติบโตเป็น 8.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% หนุนโดยรายได้กลุ่มธุรกิจอาหารที่เติบโตต่อเนื่อง 3% กลุ่ม Hardline 5% และ Fashion 7% จากการฟื้นตัวหลังโควิด-19 เริ่มต้นแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายที่ 33 บาท