Sideways Up

Sideways Up

Trading Buy Port โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ :

เราคาดว่าดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1152 / 1163 จุด แนวรับ 1123 / 1115 จุด ปัจจัยบวก คือ ความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 3 ที่มีขนาดใหญ่ถึง 10% ของ GDP และเม็ดเงินจากกองทุน SSF ส่วนปัจจัยลบ คือ ผลประชุมนัดพิเศษของกลุ่มโอเปกพลัสที่เลื่อนออกไปเป็นวันพฤหัสบดี (อาจลดการผลิตน้ามันได้จากัด) และความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกหดตัว จากผลกระทบCOVID-19 กลยุทธ์ลงทุน แนะนา สะสมเมื่ออ่อนตัว โดยมีจุดตัดขาดทุน หากหลุด 1100 จุด เน้นกลุ่มพลังงาน ไอซีที อาหาร (หุ้นเด่น PTT PTTEP GULF BGRIM ADVANC CPF) ประเด็นที่มีผลต่อตลาด ได้แก่ 1) การประชุมนัดพิเศษกลุ่มโอเปกพลัส ที่ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันพฤหัสฯ จากเดิมวันจันทร์ ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและ ปิโตรเคมี เพราะปริมาณลดกาลังการผลิตอาจมีจากัด 2) ผลประชุมครม. วันนี้ จะมีความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ (10% ของ GDP) อาจช่วยหนุนการรีบาวด์ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 3) มาตรการเคอร์ฟิวของไทยอาจเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น หากจานวนผู้ติดเชื้อใหม่ไม่หดตัวลงแรง ดังที่รัฐบาลคาดหวัง

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: ไทย-เงินเฟ้อเดือน มี.ค. คาด 0.41% YoY (Vs เดือน ก.พ. 0.74%) เงินเฟ้อพื้นฐานเดือน มี.ค. คาด 0.54% YoY (Vs เดือน ก.พ. 0.58%) / Australia-ผลประชุมธนาคารกลางคาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25%

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วันศุกร์

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปวานนี้พุ่งแรง: การคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ที่ชะลอตัวลง จะส่งผลให้มาตรการ lockdown ทั่วประเทศ อาจผ่อนคลายลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นปัจจัยสนับสนุนการแรลลี่ของตลาดหุ้นโลกวานนี้ DJIA +7.7% S&P500 +7.03% Nasdaq +7.3% ตลาดหุ้นยุโรป: CAC +4.6% DAX +5.7% FTSE +3.08%

- ราคาน้ำมันดิบโลกกลับมาร่วง: WTI -USD2.26 หรือ -8% ปิดที่ USD26.08/บาร์เรล Brent -USD1.06 หรือ -3.1% ปิดที่ USD26.08/บาร์เรล หลังจากการประชุม OPEC Plus เลื่อนออกไปจากวันจันทร์เป็นวันพฤหัสฯ

+ ราคาทองคำปิดบวก: วานนี้ ปิดที่ระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. 2012 ที่ USD1,693.9/ออนซ์ +USD48.2 หรือ 2.93% จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย นำโดยจีน

ประเด็นสำคัญ

- COVID-19: จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกมี 1.345 ล้านราย นำโดยสหรัฐฯ 3.66 แสนราย สเปน 1.36 แสนราย อิตาลี 1.32 แสนราย เยอรมนี 1.03 แสนราย ฝรั่งเศส 9.89 หมื่นราย อิหร่าน 6.05 หมื่นราย อังกฤษ 5.22 หมื่นราย ตุรกี 3.02 หมื่นราย

+ มาตรการการเงิน: ธนาคารกลางจีน: วันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับลด RRR ธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กลงอีก 1% แบ่งเป็น 2 ช่วงเริ่มวันที่ 15 เม.ย. และ 15 พ.ค. แต่คง RRR ของธนาคารขนาดใหญ่คงเดิมที่ 12.5% เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องผ่านสถาบันการเงิน คาดว่าจะช่วยหนุนในระบบราว 4 แสนล้านหยวน โดยปีนี้ PBOC มีการลด RRR ไปแล้ว 2 ครั้งรวม 1.5 -2% เพิ่มสภาพคล่องไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านหยวน นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนลดอัตราสำรองทางกฎหมายที่ธนาคารต้องคงเงินทุนไว้ที่ธนาคารกลางเป็น 0.35% (จาก 0.72% ) มีผลวันที่ 7 เม.ย.

+ ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้: คาดตลาดหุ้นไทยปรับสูงขึ้นตาม การแรลลี่ของตลาดหุ้นโลก และสัญญาณบวกเช้านี้ DJ Future +0.8%, WTI Future +3.5% Nikkei +2.7% เกาหลีใต้ +1.1% ฯลฯ แนะนำซื้อเก็งกำไร โดยมีเป้าหมายดัชนีฯ ที่ 1187 / 1200 จุด ได้แก่ 1) หุ้นบลูชิพที่อยู่ใน SET 50 Index: PTT PTTEP SCC ADVANC CPF GULF BGRIM BAM 2) หุ้นร่วงแรงกลุ่มอิงท่องเที่ยว AOT MINT ERW CENTEL CRC CPN จากคาดว่ารัฐบาลไทยจะออกมาตรการเยียวยาขนาดใหญ่วันนี้

- การระบาด (Update): ไทย-สธ. รายงานจานวนผู้ติดเชื้อสะสม ณ วันที่ 4 -6 เม.ย. มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 89 ราย 102 ราย ตามลำดับ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดอยู่ที่ 2,200 ราย และมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีความเข้มงวดมากขึ้นต่อเวลาเคอร์ฟิวจากปัจจุบัน 22:00-04:00 น. / USA-ดร.เดโบล่า เบิร์ก คาด 3 พื้นที่ ที่จะมีความเสี่ยงผู้ติดเชื้อพุ่งสูงสุดสัปดาห์นี้ คือ Detroit, New York, และ Louisiana / Italy-นายกฯเผยการ lockdown จะมีต่อเนื่องตามคำแนะนำของสาธารณสุขที่คาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังไม่ถึงระดับสูงสุด แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เริ่มปรับลดลง / Indonesia-รัฐบาลบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากเวลาออกจากบ้านเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป / Malaysia-พบผู้ติดเชื้อใหม่ 179 ราย ในวันอาทิตย์เป็นสะสม 3,662 ราย / Singapore-จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่วันอาทิตย์ทำสถิติสุงสุดในวันเดียว โดยพุ่งขึ้นถึง 120 ราย เป็น 1,309 ราย

ตัวเลขเศรษฐกิจวานนี้:

+/- USA: การจ้างงานเดือน มี.ค. (สำรวจจนถึงกลางเดือนมี.ค.) ลดลงสูงกว่าคาด โดยมีผู้ว่างงานลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 114 เดือน (นับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2020) และลดลงสูงถึง -714k (Vs คาด -100k, เดือน ก.พ. +273k) อัตราว่างงานเดือน มี.ค. สูงสุดรอบ 2 ปี และสูงกว่าคาดเป็น 4.4% (Vs คาด 3.8%, เดือน ก.พ. 3.5%) แต่รายงานภาคบริการเดือน มี.ค. ดีกว่าคาด โดย Markit PMI Service สูงกว่าคาดเป็น 39.8 (Vs คาด 39.1, เดือน ก.พ. 49.4) และ ISM Non-Mfg. PMI เดือน มี.ค. ดีกว่าคาดเป็น 52.5 Vs คาด 44, เดือน ก.พ. 57.3)

+ ญี่ปุ่น: (Jibun Bank) ดีกว่าคาดเป็น 33.8 (Vs คาด 32.7, เดือน ก.พ. 46.8)

- อียู: (Markit) แย่กว่าคาดเป็น 26.4 (Vs คาด 28.4, เดือน ก.พ. 52.6) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าเศรษฐกิจอียู 2Q20E จะหดตัว -43.% QoQ

+ China: รายงานดัชนีภาคบริการ Caixin Service PMI เดือน มี.ค. อยู่ที่ 43.0 สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 40.3 และเดือน ก.พ. ที่ 26.5 แม้จะปรับตัวดีขึ้นแต่ด้วยระดับที่ต่ำกว่า 50 แต่การจ้างงานที่ลดลงแรงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ส่งผลต่อภาคบริการจีนยังคงไม่ฟื้นตัวเหมือนกับกรณีภาคการผลิต เห็นได้จากจำนวนรถยนต์บนทางด่วน การเข้าไปชมดูภาพยนตร์ ฯลฯ ที่ฟื้นตัวในระดับต่ำ เพราะวิตกต่อปัญหาว่างงาน การปิดงานของธุรกิจ ฯลฯ

- USA: Factset คาด 1Q20E Earnings ของบจ. คานวณในดัชนี S&P500 จะเติบโต -5.2% YoY (ต่ำสุดตั้งแต่ 1Q16 ที่ -6.9% YoY) ซึ่งลดลงมาก เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2019 ที่คาดว่าจะเติบโต +4.4% YoY และคาดว่ากำไรจะเติบโตลดลงมากใน 2Q20E (คาดเติบโต -10% YoY โดยมี 5 จาก 11 หมวดอุตสาหกรรมที่รายงานกำไรเติบโตลดลง นำโดย Energy -92.6% YoY Consumer Discretionary -31.6% YoY Industrial -26.8% YoY Financials -9.5% YoY Materials -7.4% YoY) และ 3Q20E (-1.1% YoY) ก่อนจะกลับมาเติบโตเป็นบวกใน 4Q20E (คาด +4.5% YoY) และ 1Q21E (คาด +14.2% YoY) ส่วนทั้งปี 2020E คาดเติบโต -1.2% ขณะที่ ก.ล.ต. อนุญาตให้บจ. เลื่อนวันส่งรายงานผลกำไรได้ ทำให้ข่าวร้ายจะส่งผลกระทบต่อตลาดช้ากว่าปกติ ส่วนบจ.หลายแห่ง แจ้งยกเลิกประมาณการกำไรปี 2020E อาทิ Twitter, Target, Visa, FedEx, United Airlines ฯลฯ

- OPEC+: ราคาน้ำมันดิบโลกที่พุ่งแรงกว่า 32% ในสัปดาห์ก่อน เริ่มมีแรงขายทำกำไร หลังการประชุมพิเศษระหว่างกลุ่มโอเปคกับพันธมิตร (รวมรัสเซีย) ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันพฤหัสฯ (จากเดิมวันจันทร์) และการลดปริมาณการผลิตอาจจะไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ที่ลดลงจากผลกระทบ COVID-19 หากไม่มีการร่วมลดการผลิตจากสหรัฐฯ แคนาดา ฯลฯ

กลยุทธ์: แนะนำ Trading Buy Port โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: PTTEP BAM MAKRO

หุ้นบลูชิพที่มีขนาดใหญ่ใน SET 50 Index: PTT PTTEP GULF BGRIM ADVANC CPF

Derivatives: : แนะเปิด Long เก็งกำไร S50M20  หลัง 10:30น. เป้าทำกำไรในวัน 12-20 จุด (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)