ฝุ่นฯ PM2.5 ภาคเหนือ ลดลงจากวันก่อน

ฝุ่นฯ PM2.5 ภาคเหนือ ลดลงจากวันก่อน

ทส.เผย สถานการณ์ไฟป่า 9 จังหวัดภาคเหนือดีขึ้น

ศูนย์ติดตามการแก้ไขปัญหาพิบัติภัย (ไฟป่าและหมอกควัน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมงใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง โดยค่าฝุ่นฯ อยู่ที่ระหว่าง 27-175 มคก./ลบ.ม. 

ทั้งนี้ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง มีคุณภาพอากาศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีค่าไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) ในขณะที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน ฝุ่นฯ PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา และน่าน โดยค่าฝุ่นฯ สูงสุดอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ (อ.เชียงดาว) คือ 175 มคก./ลบ.ม. แต่ก็ลดลงจากวันก่อนหน้านี้

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. กล่าวว่า  โดยภาพรวม สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ถือว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

จากการเฝ้าระวังและควบคุมไฟป่าตลอด 24 ชั่วโมง นายจตุพรกล่าวว่า ค่า hotspot เพิ่มเพียง 6% ทั้งนี้ เพราะการดับไฟมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงดับไฟและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไฟดับสนิท ไม่ให้เกิด hotspot เพิ่ม 

ในส่วนสถานการณ์ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ศูนย์ฯ รายงานว่า จังหวัดทางชายแดนยังคงได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เมียนมา พบจุดความร้อนเพิ่มขึ้น  

อย่างไรก็ตาม จุดความร้อนในประเทศไทยและลาวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษได้ประสานงานกับสำนักงานเลขาธิการอาเซียน  เพื่อขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ควบคุมดูแลจุดความร้อน

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการฯ ทส. ได้กำชับให้เร่งหาผู้กระทำผิดโดยเร็วและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด

สำหรับเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือที่ต้องเสียสละชีวิต ทางกระทรวงฯ ได้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ และเปิดโอกาสให้โควต้าครอบครัวละ 1 คน เพื่อให้บุตรหลานเข้ามาทำงานในกรมป่าไม้หรือกรมอุทยานฯ ตามที่สมัครใจ

ทางด้านอธิบดีกรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษาได้ลงตรวจพื้นที่ทางภาคเหนือและกำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้เฝ้าระวังการขยายพื้นที่หลังเกิดไฟป่า หากพบมีการขยายพื้นที่เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตตามมาตรการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนหรือ คทช. ให้เพิกถอนสิทธิทันที

ที่เชียงราย เจ้าหน้าที่จับมือเผาป่าเพิ่มอีกราย อ้างหารังผึ้ง โดยจากการสอบสวนของชุดดับไฟป่าจังหวัดเชียงราย ได้ความว่า พบผู้ต้องหากำลังดับไฟจึงเข้าไปช่วยดับไฟ ซึ่งภายหลังให้การรับสารภาพว่า ได้เข้ามาตีผึ้งโดยจุดไฟและไฟได้ตกลงมาพื้นที่ป่าลุกลามไหม้พื้นที่ดังกล่าว จึงพยายามช่วยกันดับไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่น 

ทราบชื่อต่อมาคือ นายอาเจ เมอแลกู่ อายุ 51 ปี ชาวอาข่า ชาวบ้านเล่าสิบ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

สรุปผลคดีตั้งแต่ประกาศ 60 วันห้ามเผา 22 กุมภาพันธ์ ถึง 6 เมษายน 63 จังหวัดเชียงรายจับกุมไปแล้วผู้ต้องหา 9 คน แจ้งความดำเนินคดีไป 18 คดี

ภาพ/ เจ้าหน้าที่เร่งดับไฟตามขอนไม้บนดอยสุเทพให้ดับสนิท/ อส.