เรื่องที่ ‘ต้องทำ’ ในช่วงนี้!

เรื่องที่ ‘ต้องทำ’ ในช่วงนี้!

เปิด 3 เรื่องที่ภาคธุรกิจควรจะทำในช่วงวิกฤติโควิด-19 และการกระทำนี้เองที่แต่ละธุรกิจเลือกดำเนินการ จะทำให้เมื่อผ่านวิกฤติไปแล้ว เป็นคำตอบว่าลูกค้าหรือคู่ค้าจะจดจำบริษัทไปในทิศทางใด

ทุกคนในโลกรวมทั้งทุกคนในไทยยังต้องอยู่ภายใต้หมอกเมฆของไวรัสโควิด-19 ไปอีกสักระยะจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่จุดสูงสุด ถึงจะค่อยทรงตัวและเริ่มคลี่คลาย... แต่จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความตระหนัก (ไม่ใช่ตระหนกจนขาดสติ) และความร่วมไม้ร่วมมือของทุกคนทุกฝ่ายในประเทศและทั่วโลก

ในส่วนของธุรกิจเรื่องแรกที่จำเป็นต้องทำในวันนี้คือ..

1.อย่าเสียดายรายได้ที่ขาดหายไป!

ที่บอกว่า อย่าเสียดายรายได้ที่ขาดหายไปในช่วงนี้ เพราะแทบทุกที่ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า! (แน่นอนครับ ในสภาวะวิกฤติแบบนี้ก็มีหลายธุรกิจเติบโตสวนกระแส ที่เคยเขียนถึงมาในตอนที่แล้วๆ ไม่ขอเขียนซ้ำ)

หลายๆ ธุรกิจปรับตัวไปเน้นไปเพิ่มทาง Online แก้ขัดไปก่อนก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แน่นอนครับว่าคงไม่อาจชดเชยเทียบเท่ารายได้ที่เคยได้ในช่วงปกติที่ผ่านมา

ทำไมถึงบอกว่า “อย่าเสียดาย”!? เหตุผล ก็เพราะ..

ถ้าท่านเสียดาย จนความเสียดาย “ยกระดับ” ไปเป็นความโลภ ความเขี้ยว ยังพยายามฝืนที่จะขายลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของท่าน “มากเกินไป” นอกจากจะขายไม่ได้แล้ว ยังทำให้ลูกค้าของท่านเสียความรู้สึก จนอดนึกไม่ได้ว่า... บริษัทของท่านตายอด ตายอยากมาจากไหน ไม่คิดอะไรเลยคิดแต่จะเอาเงิน เอาผลประโยชน์กับลูกค้าโดย ไม่สนใจว่าไวรัสกำลังคร่าชีวิตคนทั่วโลกไปทุกๆ วัน!

ถ้าสินค้าและบริการที่ท่านขาย เป็นสิ่งที่ลูกค้ามีความต้องการหรือมีความจำเป็นต้องใช้ และลูกค้าเป็นผู้ที่ติดต่อมาเองนั่นก็อีกเรื่อง...

แต่ถ้าสินค้าหรือบริการของธุรกิจท่าน ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ลูกค้าต้องกินต้องใช้ แต่ท่านยังพยายามที่จะติดต่อ ยัดเยียดขายมากเกินไป... ถ้าท่านเป็นลูกค้า ท่านจะรู้สึกยังไงล่ะครับ!?

2.ตั้งสติ แล้วจะไม่กลัวปัญหาและ มองเห็นอะไรบางอย่างจากปัญญา.....

ตั้งแต่ระดับผู้นำสูงสุดขององค์กร จนไปถึงทุกระดับทุกคนในองค์กร เป็นโอกาสที่จะสื่อสารให้ทุกคนรู้เท่าทันในสถานการณ์ แต่ไม่ต้องตื่นตระหนก ให้ตระหนักและระมัดระวัง

หน่วยงานใด Work From Home ได้ก็ทำไปอย่างที่ได้ทำกันมาพักใหญ่แล้ว หน่วยงานใดที่จำเป็นต้องเข้ามาที่ทำงาน หรือโรงงาน ก็จัดระบบการป้องกันไวรัส ให้ละเอียดรอบคอบ

ถึงแม้จะไม่ได้มาเจอกัน แต่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยเทคโนโลยี ด้วยไวไฟ ด้วยแอพต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้ในช่วง Work From Home พยายามสื่อสารกันเป็นระยะและย้ำให้ติดตามข่าวสารเพื่อให้รู้เท่าทันสถานการณ์ ไม่ใช่เสพข่าวร้ายจนจิตตก

เป็นโอกาสที่ผู้บริหารจะมองเห็น “คนที่ทัศนคติดีและสู้” ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม!

ถ้าเป็นสภาวะปกติ พนักงานบางคนของบางหน่วยงานอาจไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก แต่ในสภาวะวิกฤติไวรัสในช่วงนี้ ท่านอาจได้เพชรเม็ดงามหลายๆ คนจากหลายหน่วยงาน!

เช่น มีไอเดียหรือแนวคิดดีๆ เสนอจากพนักงานบางคน บางหน่วยงานที่เสนอมาแล้ว น่านำมาทดลองใช้หรือนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนี้!

หรือท่านจะเห็นพนักงานบางคน ที่อาจเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการ หรือระดับจัดการ ที่ทุ่มเท เสียสละ แสดงสปิริต ช่วยเหลือ ทุ่มเท รับผิดชอบมากกว่าหน้าที่ในสถานการณ์แบบนี้!

3.ช่วยอะไรได้ให้รีบช่วยในช่วงนี้!

การช่วยที่ท่านควรทำอย่างยิ่ง (ในกรณีที่สถานะทางการเงินของบริษัทท่านยังดีหรือพอใช้ได้) ในช่วงนี้คือ ช่วยเหลือทีมงานทุกระดับในกรณีที่จำเป็นต้องหยุดงาน หรือในสภาวะที่จำเป็น นอกจากจะห้ามตัด ลดรายได้แล้ว ถ้าพนักงานเดือดร้อนท่าน ต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ไม่ใช่ฉวยโอกาส ลดค่าใช้จ่ายโดยการตัด ลด!

ช่วยเหลือคู่ค้าและลูกค้าไม่ใช่ฉกฉวย แสดงความเขี้ยว เอารัดเอาเปรียบกับคู่ค้า โดยอ้างสถานการณ์ทั้งที่ท่านสามารถช่วยเหลือหรืออย่างน้อยทำธุรกรรมตามปกติได้! และไม่ใช่ฉกฉวยโอกาสที่จะแสดงความโลภจนลูกค้าสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตของท่าน!

สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งในช่วงนี้คือ.. แสดงให้เห็นสื่อสารให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของท่านรับรู้ว่าท่านมีความห่วงใย ใส่ใจในสถานการณ์นี้ และห่วงใยในลูกค้า ถึงแม้จะไม่ได้ติดต่อซื้อขายกัน แต่ถ้าต้องการคำแนะนำหรือให้ช่วยเหลือในเรื่องใดที่ธุรกิจของท่านพอจะทำได้ ท่านยินดีแนะนำ ช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย!

คนที่คิดตื้นๆ จะพยายามหาเงินอย่างเดียว คนที่คิดไกลๆ จะหาทางช่วยเหลือลูกค้าและผู้คน!

หลังวิกฤติผ่านพ้นไป.. ท่านและบริษัทของท่านจะได้รับการจดจำแบบใด ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ท่านจะคิดจะทำในช่วงนี้ครับ!