กกพ.ให้ชุมชนอนุมัติงบกองทุนฯปี63

กกพ.ให้ชุมชนอนุมัติงบกองทุนฯปี63

“บอร์ด กกพ.” ไฟเขียวโอนอำนาจให้คณะกรรมการฯระดับชุมชน อนุมัติโครงการฯงบกองทุนพัฒนาไฟฟ้าปี 63 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะ โฆษก กกพ. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2563 มีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติสำหรับการพิจารณาให้คณะกรรมการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า(คพรฟ.) มีอำนาจอนุมัติโครงการชุมชน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุข ในการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวร้สโคโรนาอันเป็นสาเหตุของโรคโควิด 19 ให้เกิดความรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ ภายใต้กรอบงบประมาณเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

โดยโครงการที่นำเสนอกำนดตามกรอบดังต่อไปนี้ 1. โครงการที่มีลักษณะเป็นการจัดซื้อยา การจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งเวชภัณฑ์ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขในการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา อันเป็นสาเหตุของโรคโควิด -19 

2. โครงการที่มีลักษณะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุที่ใช้ในการป้องกัน ควบคุม หรือรักษา โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา  รวมทั้ง การดำเนินการอื่นใด ตามมาตรการของภาครัฐเพื่อการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 

นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยังมีมติให้เพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน 2550 มาตรา 97(3) หรือ กองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปีงบประมาณ 2563 อีกจำนวน 1,546.32 ล้านบาท ครอบคลุมชุมชนพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า 51 จังหวัดทั่วประเทศ จากกรอบวงเงินเดิมที่ 2,494 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 4,040 ล้านบาท ครอบคลุมชุมชนพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า 72 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือภัยแล้ง และการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก

ขณะเดียวกัน กกพ. ยังได้ขยายขอบเขต วัตถุประสงค์การใช้เงิน ส่งผลให้คณะกรรมการกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำโครงการที่ดี มีความคุ้มค่า และสามารถทำงานได้คล่องตัวมากขึ้นด้วย โดย กกพ. คาดหวังว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งภัยแล้งให้กับประชาชน

ทั้งนี้ กรอบวงเงินดังกล่าว กกพ.ได้เปิดให้ยื่นเสนอโครงการ ระหว่างช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย.2563 เป็นไปตามกรอบสิ้นปีงบประมาณ 2563

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการผ่อนคลายการพิจารณา เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน กกพ. ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณาโครงการโดยตระหนักถึงความคุ้มค่า และคำนึงถึงกระบวนการการตรวจสอบตามหลัง ซี่งยังจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดเช่นเดิม