“คมนาคม”เร่งขยายถนนภาคเหนือ

“คมนาคม”เร่งขยายถนนภาคเหนือ

กรมทางหลวงเตรียมอัดงบ4 พันล้าน ผุดโครงการขยายถนน สายเชียงใหม่ – เชียงราย เป็น 4 ช่องจราจรทั้งเส้น 158 กม.เพิ่มปริมาณจราจร3 หมื่นคัน

รายงานข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคม มีนโยบายผลักดันโครงสร้างพื้นฐานทางถนนเชื่อมต่อจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ขยาย 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 118 เพื่อเสริมโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์ระหว่างภาคเหนือ ส่งเสริมการท่องเที่ยวการค้าเศรษฐกิจเชื่อมโยงไปยังสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 พร้อมทั้งสนับสนุนการขนส่งระหว่างประเทศ รวมถึงลดอุบัติเหตุ และรองรับการจราจรที่มากขึ้นจากเดิม 1 - 1.8 หมื่นคันต่อวัน เป็น 3 หมื่นคันต่อวัน

โดยปัจจุบัน ทล.อยู่ระหว่างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย เป็นมาตรฐาน 4 ช่องจราจรตลอดทั้งเส้น รวมระยะทาง 42.8 กิโลเมตร (กม.) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างสำรวจ ออกแบบ และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงสุดท้าย ตำบลบ้านโป่ง-บรรจบทางหลวงหมายเลข 1 ระยะทาง 67.473 กม.เป็นมาตรฐาน 4 ช่องจราจร จะใช้งบประมาณก่อสร้างราว 4 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2565 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2567

อย่างไรก็ตาม หากโครงการขยายช่องจราจรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในปัจจุบัน และโครงการก่อสร้างใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะทำให้ทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย มีรูปแบบเป็นมาตรฐาน 4 ช่องจราจร รวมระยะทางทั้งสิ้น 158.473 กม.รวมกับโครงการที่ ทล.ก่อสร้างแล้วเสร็จไปก่อนหน้านี้ 2 ช่วง คือ ช่วงจังหวัดเชียงใหม่-อำเภอดอยสะเก็ด ระยะทาง 20.2 กม. แล้วเสร็จตั้งแต่เดือน ต.ค. 2551 และช่วงบ้านโป่งป่าตอง-ตำบลบ้านโป่ง ระยะทาง 28.5 กม. แล้วเสร็จเมื่อเดือน ต.ค. 2562

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังจากมอบนโยบายให้ ทล. เร่งรัดโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย จำนวน 5 ช่วง รวมระยะทาง 42.8 กม. ได้รับรายงานว่าในปัจจุบันมีผลงานความก้าวหน้าอย่างมาก ขณะที่การก่อสร้างช่วงตำบลป่าเมี่ยง-บ้านปางน้ำถุ ระยะทาง 9.25 กม. ที่มีการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากการก่อสร้างล่าช้า เดินทางสัญจรไม่สะดวกนั้น ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว 100%

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดี ทล. กล่าวยอมรับว่าสาเหตุที่โครงการก่อสร้างล่าช้าในบางช่วง เพราะแนวเส้นทางส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้และอุทยานแห่งชาติ จึงต้องมีการล้อมย้ายต้นไม้จำนวนมากเพื่อรักษาป่าและสภาพแวดล้อมให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ได้กำชับให้เอกชนผู้รับจ้างเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยการปรับแผนงานและระดมเครื่องจักรเข้าพื้นที่เพื่อลดผลกระทบประชาชนผู้ใช้ทาง