สทนช.-กรมชลฯไม่ห่วงตัดงบ ยืนยันเดินหน้าแผนน้ำอีอีซี

สทนช.-กรมชลฯไม่ห่วงตัดงบ  ยืนยันเดินหน้าแผนน้ำอีอีซี

น้ำเป็นปัจจัยสำคัญของภาคอุตสาหกรรม และเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ต่างชาติจะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในอีอีซี ดังนั้นการวางแผนบริหารจัดการน้ำจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนของอีอีซี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน

จากการประเมินพบว่าปี 2580 อีอีซีจะมีประชากรเพิ่มจากปัจจุบัน 4 ล้านคน เพิ่มเป็น 6 ล้านคน มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 2,419 ล้าน ลบม.ต่อปี จะเพิ่มเป็น 3,089 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อปี ในปี 2580

สมเกียรติ์ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับนโยบายให้ตัดงบประมาณทางด้านน้ำอย่างน้อย 10% เพื่อใช้สำหรับแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 จากทางรัฐบาล แต่ทั้งนี้งานทางด้านน้ำส่วนใหญ่ ต้องดำเนินการเพื่อรองรับปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม อีกทั้งเป็นงานที่มีขั้นตอนและระยะเวลาการดำเนินงาน ดังนั้นงานที่ยังไม่ได้เริ่มทำก็หมายถึงยังไม่ได้รับงบประมาณดำเนินการในขณะนี้

สำหรับโครงการในอีอีซี นั้น ต้องเร่งดำเนินการต่อและไม่น่าจะถูกตัดงบประมาณและยังมีความจำเป็นต้องเร่งรัดตามแผนงาน ซึ่งจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 3 เม.ย.นี้ โดยมีอย่างน้อย 5 โครงการที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ เช่น โครงการขนาดใหญ่ผันจากประแสร์ คลองวังตโหนด โครงน้ำในจังหวัดระยอง ตามข้อเสนอของผู้ว่าราชการจังหวัด โครงการในจันทบุรี เพื่อทดแทนที่ต้องผันน้ำมาระยอง

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับอีอีซีในปี 2563-80 รวม 38 โครงการ 872 ล้านลูกบาศก์เมตร วงเงิน 50,691 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่ต้องดำเนินการในปี 2563-70 จำนวน 33 โครงการ 706.2 ล้านลูกบาศก์เมตร วงเงิน 37,872 ล้านบาท ประกอบด้วย 

158592036722

ส่วนโครงการอ่างเก็บน้ำสร้างใหม่ ขนาดกลาง 10 แห่ง 108.7 ล้านลูกบาศก์เมตร คือ อ่างเก็บน้ำคลองกะพง อ่างเก็บน้ำคลองกรอกเคียน อ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน อ่างเก็บน้ำหนองกระทิง อ่างเก็บน้ำคลองกระแส จ.ฉะเชิงเทรา 

อ่างเก็บน้ำคลองโพล้ อ่างเก็บน้ำคลองพะวาใหญ่ อ่างเก็บน้ำคลองหางแมง อ่างเก็บน้ำวังโตนด จ.จันทบุรี รวมถึงอ่างเก็บน้ำเขาจอมแห-เขานั่งยอง และอ่างเก็บน้ำคลองน้ำเขียว จ.ระยอง

ในขณะที่การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำเดิม 6 แห่ง ปริมาณ 91.5 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำคลองสียัด อ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร อ่างเก็บน้ำบ้านบึง อ่างเก็บน้ำหนองค้อ จ.ชลบุรี รวมถึงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำมาบประชัน จ.ระยอง 

การพัฒนาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เป็นแก้มลิง 1 แห่ง 200 ล้านลูกบาศก์เมตร ประกอบด้วย โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางพลวง, เทศบาลเมืองปราจีนบุรี. พัฒนากลุ่มบ่อน้ำบาดาล

สำหรับภาคอุตสาหกรรม 1 แห่ง ปริมาณน้ำ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร จ.ระยอง และการปรับปรุงครือข่ายน้ำเดิม 2 แห่ง 20 ล้าน ลูกบาศก์เมตร คือ การผันน้ำแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา มาอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับนโยบายเรื่องลดงบประมาณ 10% เพื่อช่วยเหลือโควิด 19 ซึ่งกรมชลประทานพร้อมดำเนินในส่วนที่ไม่ส่งผลกระทบกับแผนหลัก ซึ่งต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง 

ส่วนแผนงานอีอีซีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบลำน้ำในลุ่มน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรีประกอบไปด้วยลำน้ำสำคัญ 4 สาขา ได้แก่ คลองหางแมว คลองวังโตนด คลองประแกด และคลองพวาใหญ่ ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองประแกด ความจุเก็บกัก 60 ล้าน ลบ.ม.

ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนอ่างเก็บน้ำคลองพวาใหญ่ ความจุเก็บกัก 68 ล้าน ลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บน้ำคลองหางแมว ความจุเก็บกัก 81 ล้านลูกบาศก์เมตร อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2564-2565 

อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด อยู่ระหว่างการพิจารณารายงาน EHIA ของ คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) คาดว่าจะเปิดโครงการได้ในปี 2564 หากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดจะสามารถเก็บกักน้ำรวมกันได้กว่า 300 ล้านลูกบาศก์เมตร