เศรษฐกิจโลก ‘ซึมยาว’ กดดันค่าเงิน-ตลาดหุ้น

เศรษฐกิจโลก ‘ซึมยาว’ กดดันค่าเงิน-ตลาดหุ้น

สัปดาห์นี้เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 นอกประเทศจีนยังแย่ลงต่อเนื่อง

 สำหรับในช่วง1สัปดาห์ข้างหน้า  “ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย” คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ32.60-33.50บาทต่อดอลลาร์ โดยโควิด-19เป็นปัจจัยหลักที่กดดันมูลค่าสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆรวมทั้งค่าเงินบาทและค่าเงินเอเชียโดยรวมให้มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ และสกุลเงินสำคัญอื่นๆ เช่น เงินเยน ในช่วงนี้

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3 เม.ย.) ปิดการซื้อขายที่ 1,138.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.57 จุด หรือ 0.05% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 59,753.43 ล้านบาท  "บล.ทิสโก้"  ะบุว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ดัชนีฯน่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์ดาวน์ เนื่องจากตลาดยังมีความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และความไม่แน่นอนของทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งต้องจับตาการเจรจาระหว่างกลุ่มโอเปคและรัสเซีย รวมถึงตัวเลขการจ้างงานของประเทศสหรัฐที่คาดว่าจะออกมาไม่ค่อยดีนักจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นอกจากนี้เป็นช่วงวันหยุดต่อเนื่อง 3 วัน ซึ่งน่าจะทำให้เห็นนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนหรือขายทำกำไรออกมาก่อนได้ ทั้งนี้ประเมินกรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,100-1,190 จุด

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,610.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 25,100 บาทต่อบาททองคำ  "วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล"   ระบุว่า ปริมาณการซื้อขายทองคําของตลาดในโซนเอเชียอาจเบาบางลงในวันจันทร์นี้ เพราะตลาดเงินตลาดทุนของจีนปิดทําการต่อเนื่องในช่วงเทศกาลเชงเม้ง และตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) ก็ปิดทําการ ซึ่งทําให้นักลงทุนพากันปลีกตัวอยู่นอกตลาด 

ทั้งนี้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สามารถเข้าซื้อเก็งกําไรระยะสั้นเพื่อหวังทํากําไรจากการดีดตัวขึ้น โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,600-1,594 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมแนะนําว่าหากราคาขยับขึ้นให้จับตาโซนแนวต้านระดับ 1,620-1,626 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพราะหากราคาทองคําทดสอบโซนดังกล่าวยังไม่สามารถขึ้นไปยืนได้ แนะนําขายทํากําไรออกมาเพื่อลดความเสี่ยง