‘ปิดทองหลังพระ'จ้างงานในภาวะวิกฤติ ติดอาวุธทางปัญญา 'ศาสตร์พระราชา' พัฒนายั่งยืน

‘ปิดทองหลังพระ'จ้างงานในภาวะวิกฤติ ติดอาวุธทางปัญญา 'ศาสตร์พระราชา' พัฒนายั่งยืน

สถาบันปิดทองหลังพระฯ ช่วยเหลือผู้ตกงานและเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั้งจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19และภัยแล้งอนุมัติวงเงินกว่า 300 ล้านช่วยจ้างงาน ให้ความรู้ตามศาสตร์พระราชาให้นำไปประกอบอาชีพหลังจากวิกฤติ

นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสาน แนวพระราชดำริ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19รวมทั้งภัยแล้งและเศรษฐกิจตกต่ำ คณะกรรมการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ ได้มีมติให้ช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานและเกษตรกร โดยการจ้างแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง และบัณฑิตว่างงานในพื้นที่ มาร่วมพัฒนาแหล่งน้ำและการเกษตร ควบคู่กับการเรียนรู้และปฏิบัติตามแนวพระราชดำริทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่

“ในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ประชาชนจะเผชิญวิกฤติมากที่สุดสถาบันฯจึงแนวคิดในการช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ให้มีรายได้และมีกิจกรรมทางการเกษตรทันทีเมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จและจะช่วยอย่างยั่งยืนผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะมีความรู้ไปใช้พัฒนาอาชีพได้ในอนาคต”

โดยจะนำร่องการดำเนินงาน “โครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานรากเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะว่างงานที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของ COVID-19” ใน 3 จังหวัด คือกาฬสินธุ์ ขอนแก่นและอุดรธานี กรอบงบประมาณ 307 ล้านบาท ขณะนี้ได้สำรวจโครงการแล้วเสร็จ โดยจะเริ่มดำเนินการในระยะเร่งด่วนจำนวน 109 โครงการจากเป้าหมายทั้งหมด 300 โครงการ ในเดือนเมษายน 2563 เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำทำการเกษตรได้ทันถ่วงที ซึ่งจะช่วยเหลือผู้ว่างงานในเบื้องต้นได้ไม่ต่ำกว่า 490 คน

การดำเนินงานในระยะเร่งด่วนแบ่งโครงการเป็น 2 ประเภท คือโครงการซ่อมแซมและเสริมประสิทธิภาพแหล่งน้ำและโครงการที่มีระบบน้ำอยู่แล้วสามารถดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องได้ทันที โดยคัดเลือกจากแหล่งน้ำถ่ายโอนจากกรมชลประทานและหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ที่เสียหายและมีความจำเป็นต้องซ่อมแซมและเสริมศักยภาพ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอให้คณะกรรมการระดับจังหวัดอนุมัติ

สำหรับการคัดเลือกคนตกงาน เข้าร่วมโครงการ ปิดทองหลังพระฯร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดและอำเภอสำรวจผู้ว่างงาน เพื่อจ้างเป็นอาสาพัฒนาหมู่บ้าน (อสพ.) ทำหน้าที่ซ่อมแซมแหล่งน้ำและพัฒนาการเกษตรร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ และบัณฑิตว่างงานในพื้นที่ จะจ้างเป็นพนักงานโครงการประสานงานติดตามการดำเนินงานโครงการ ซึ่งจะได้เรียนรู้แนวพระราชดำริ โดยทางสถาบันฯ จะจ่ายค่าแรงงาน ค่าตอบแทนด้วย เป็นระยะเวลา 3 เดือน