ฟิทช์ คงเครดิตแบงก์กรุงไทยระดับ BBB แต่ลดเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิเหลือ AA-(thai)

ฟิทช์ คงเครดิตแบงก์กรุงไทยระดับ BBB แต่ลดเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิเหลือ AA-(thai)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ ‘BBB’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ แต่ปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ KTB ลงเป็น ‘AA-(tha)’

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ ‘BBB’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ แต่ปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ KTB ลงเป็น ‘AA-(tha)’ จาก ‘AA(tha)’ พร้อมยังคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด หรือ KTZ ที่ ‘A+(tha)’ โดยทั้ง KTB และ KTZ มีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ทั้งนี้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB ที่ ‘bbb’ พิจารณาถึงถึงเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทยและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่มรัฐวิสาหกิจและข้าราชการ โดยความสัมพันธ์กับหน่วยงานรัฐเป็นยปัจจัยช่วยให้ธนาคารรักษาความสามารถในการระดมทุน (funding) ให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพและรักษาความสามารถในการแข่งขัน ฐานะเงินกองทุนของ KTB ปรับตัวดีขึ้นมาในระดับใกล้เคียงกับกลุ่มธนาคารในต่างประเทศที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินคล้ายกัน และช่วยลดลความเสี่ยงได้บ้าง ณ ระดับเครดิตปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามอัตราส่วนเงินกองทุนส่วนที่เป็นของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Core Equity Tier 1) ที่ 15.2% ณ สิ้นปี 2562 ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 16% อีกทั้งฟิทช์ยังมองว่า KTB มีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้สูงกว่าธนาคารขนาดใหญ่รายอื่นในประเทศ เนื่องจากธนาคารมีการให้การสนับสนุนโครงการของรัฐบาลบ้าง

โดยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินยังสะท้อนถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่กระจายไปในวงกว้าง โดยผลกระทบดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันต่อสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลกที่ซบเซา แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ แต่มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะหักล้างความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อลูกหนี้ที่มีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอหรือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของธาคารไทยสามารถดูได้จาก “Coronavirus Outbreak Increases Challenges for Thai Banks’ Operating Environment” ลงวันที่ 2 เมษายน 2563

ขณะที่ระยะเวลาและแนวโน้มความรุนแรงของสถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัสยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งตามสมมติฐานกรณีฐานของฟิทช์นั้นคุณภาพของสินทรัพย์รวมถึงผลการดำเนินงานของ KTB อาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงระยะเวลา 2 ปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในปี 2562 โดยนอกจากระดับค่าใช้จ่ายการสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่อาจเพิ่มขึ้นแล้ว รายได้ของธนาคารก็อาจจะปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำรวมถึงรายได้ที่ไม่ใช้ดอกเบี้ยที่ชะลอตัว

อย่างไรก็ตามด้วยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศอยู่ 1 อันดับ น่าจะสะท้อนไปแล้วบ้างถึงความผันผวนที่จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสูงกว่าและอยู่ในสภาวะแวดล้อมในระดับเดียวกัน KTB ยังคงมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านของเงินกองทุนและอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (132% ณ สิ้นปี 2562) น่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงได้ อีกทั้งมาตรการผ่อนปรนของธนาคารแห่งประเทศไทยในด้านคุณภาพสินทรัพย์และการปรับโครงสร้างหนี้น่าจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงไปได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามฟิทช์ยังเชื่อผลการดำเนินงานของธนาคารไทยน่าจะปรับตัวแย่ลงในช่วง 2 ปีข้างหน้า

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ

อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ KTB มีปัจจัยในการพิจารณาจากการที่ฟิทช์เชื่อว่าความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติ ในกรณีที่มีความจำเป็น นอกจากนี้ KTB ยังเป็น 1 ใน 5 ธนาคารที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้เป็นธนาคารที่มีนัยต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ (D-SIB) ประกอบกับ KTB ยังมีความสำคัญในเชิงกลยุทย์ต่อรัฐบาลไทย โดย KTB เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ดังนั้น KTB จึงมีความพร้อม (ด้านของระบบและเครือข่ายสาขา) ที่จะช่วยให้การสนับสนุนแก่นโยบายจากภาครัฐ เช่น โครงการกระเป๋าเงินอิเลคทรอนิกส์ (National e-wallet)

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – หุ้นกู้ด้อยสิทธิ 

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 ของ KTB ถูกปรับลดอันดับลงมาที่ ‘AA-(tha)’ ซึ่งต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและเป็นอันดับเครดิตอ้างอิงของหุ้นกู้ด้อยสิทธิอยู่ 2 อันดับ ทั้งการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวสอดคล้องกับกรณีพื้นฐานตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตฉบับปรับปรุงใหม่ของฟิทช์ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีโอกาสที่จะได้รับชำระหนี้คืน (recovery rate) ในอัตราที่ต่ำลงเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวมีสถานะสิทธิด้อยกว่าหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน และไม่มีคุณสมบัติบังคับตัดหนี้สูญทั้งจำนวน และหุ้นกู้ดังกล่าวไม่ได้ถูกปรับลดอันดับเพิ่มเติมเพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ดาดการณ์ (non-performance risk) เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) เช่น สิทธิในการยกเว้นหรือการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – บริษัทลูกและบริษัทร่วม

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTZ อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTB (ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่) 3 อันดับ เพื่อสะท้อนถึงการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ KTZ มีสัดส่วนการถือหุ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน รวมทั้งยังสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐบาลและลำดับความสำคัญในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มในกรณีที่ KTB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยตรงของ KTZ ไม่สามารถให้การสนับสนุนแก่บริษัทได้ด้วยฐานะทางการเงินของธนาคารเองในภาวะวิกฤต อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมามีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความสัมพันธ์ของ KTZ กับ KTB มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เช่นการเปลี่ยนชื่อบริษัทและสัญญลักษณ์ทางการค้าที่คล้ายกันมากขึ้นกับของ KTB แม้ KTZ จะเป็นผู้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สำคัญแก่กลุ่มลูกค้าของธนาคาร แต่บริษัทยังมีความใกล้ชิดและเชื่อมโยงกับธนาคารแม่ในระดับที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ โดยอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน (senior unsecured debt) ของ KTZ ที่ ‘A+(tha)’ อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัท