ฟิทช์ หั่นเครดิตแบงก์ไทยพาณิชย์ เป็น ‘BBB’ จากผลกระทบโควิด-19

ฟิทช์ หั่นเครดิตแบงก์ไทยพาณิชย์ เป็น ‘BBB’ จากผลกระทบโควิด-19

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารไทยพาณิชย์ ลงเป็น ‘BBB’ จากเดิม ‘BBB+’ และลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น จากผลกระทบรุนแรงของไวรัส โควิด-19 พร้อมคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency IDR) ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ลงเป็น ‘BBB’ จาก ‘BBB+’ และลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น (Short-Term Foreign Currency IDR) พร้อมคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ที่ ‘AA+(tha)’ จากผลกระทบรุนแรงของไวรัส โควิด-19 นอกจากนี้ฟิทช์ฯคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SCB ที่ ‘AA(tha)’ โดยทั้ง SCB และ SCBS มีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ทั้งนี้การปรับลดอันดับเครดิตของ SCB ดังกล่าว สะท้อนถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่กระจายไปในวงกว้าง โดยผลกระทบดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันต่อสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารที่อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลกที่ซบเซา แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ แต่มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะหักล้างความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อลูกหนี้ที่มีฐานะทางการงินที่อ่อนแอหรือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของธาคารไทยสามารถดูได้จาก “Coronavirus Outbreak Increases Challenges for Thai Banks’ Operating Environment” ลงวันที่ 2 เมษายน 2563

ขณะที่ระยะเวลาและแนวโน้มความรุนแรงของสถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัสยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งตามสมมติฐานกรณีฐานของฟิทช์นั้นคุณภาพของสินทรัพย์รวมถึงผลการดำเนินงานของ SCB อาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงระยะเวลา 2 ปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในปี 2562 โดยนอกจากระดับค่าใช้จ่ายการสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่อาจเพิ่มขึ้นแล้ว รายได้ของธนาคารก็อาจจะปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำรวมถึงรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ชะลอตัว

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตของ SCB พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตของตัวธนาคารเอง ซึ่งสะท้อนในอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating หรือ VR) หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิมีสถานะเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร และมีอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเคดริของธนาคาร อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น สอดคล้องกับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์และสะท้อนถึงการประเมินโครงสร้างการระดมเงินและสภาพคล่องอขงธนาคารที่ระดับ ‘bbb’

ทั้งนี้การคงอันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่าโครงสร้างเคดริตโดยรวมของ SCB ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศในไทย แม้ว่าโครงสร้างเครดิตอาจจะปรับตัวด้อยลงบ้าง ซึ่งบ่งชี้ได้จากการปรับลดอันดับเครดิตสากล

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCB สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันในฐานะที่เป็นธนาคารชั้นนำในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งรวมถึงสินเชื่อที่อาศัย ธนาคารยังมีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงเป็น 1 ใน 3 อันดับในด้านขนาดสินทรัพย์และเงินฝากที่ประมาณ 14%-15% ในปี 2562 ฟิทช์มองว่า ณ ระดับความแข็งแกร่งทางการเงินปัจจุบัน ธนาคารน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกปรับลดอันดับลงเพิ่มเติมได้ เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่า SCB มีความสามารถในการรองรับผลกระทบเชิงลบที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตที่ต่ำกว่า เช่น ในด้านอัตราส่วนเงินกองทุนที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Core Equity Tier 1) ที่ 17% ณ สิ้นปี 2562 และอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (2562: 134%) และฐานะสภาพคล่องและความสามารถในการระดมเงิน

นอกจากนี้ปัจจัยดังกล่าวจะมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของธนาคาร อีกทั้งฟิทช์ยังเชื่อว่ามาตรการผ่อนปรนของธนาคารแห่งประเทศไทยในด้านคุณภาพสินทรัพย์และการปรับโครงสร้างหนี้น่าจะช่วยให้ธนาคารไทย รวมทั้ง SCB ให้สามารถรับมือกับสภาวะแวดล้อมที่ปรับตัวแย่ลงอย่างรุนแรงได้บ้าง แต่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบได้ทั้งหมด

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ 

อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ SCB สะท้อนถึงความสำคัญของธนาคารต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทย ในฐานะที่ธนาคารมีฐานลูกค้าเงินฝากใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในระบบธนาคารพาณิชย์ ฟิทช์ยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนช่วยเหลือ (extraordinary support) แก่ธนาคารหากมีความจำเป็น เนื่องจากธนาคารเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีนัยต่อระบบเศรษฐกิจ (D-SIB) ของประเทศไทย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตบริษัทลูก

การคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ SCBS สอดคล้องกับการคงอันดับเครดิตของธนาคารแม่ (SCB) SCBS ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของธนาคารแม่ 1 อันดับ ซึ่งพิจารณาจากการที่ฟิทช์คาดว่า SCBS จะได้รับการสนับสนุนพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติ (extraordinary support) จาก SCB โดยฟิทช์มองว่า SCBS มีสถานะเป็นบริษัทลูกที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ SCB ซึ่งสะท้อนได้จากการใช้ชื่อและเครื่องหมายทางการค้าร่วมกัน การถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทลูกของธนาคารแม่ และการผสานการดำเนินงานและบริหารงานกันอย่างใกล้ชิดมากกับธนาคารแม่ อีกทั้ง SCBS ยังมีบทบาทที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจรูปแบบธนาคารครบวงจร (universal banking strategy) ของธนาคารแม่

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ SCB จะได้รับผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินน่าจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิในทิศทางเดียวกัน ในขณะที่อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวได้รับการปรับเพิ่มอันดับหรือหากฟิทช์ประเมินว่าโครงสร้างการระดมเงินและสภาพคล่องของธนาคารปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงในมุมมองของฟิทช์ต่อระดับโครงสร้างเครดิตของ SCB เทียบกับโครงสร้างเครดิตของธนาคาร (หรือบริษัท) อื่นในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ SCB เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น ด้วยโครงสร้างเครดิตของ SCB ในปัจจุบันเมื่อเทียบกันธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต 

การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลถูกปรับลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (ซึ่งอันหลังอยู่ที่ระดับ ‘BBB-’) และการปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศลงอาจเกิดได้จากโครงสร้างเครดิตของธนาคารที่ด้อยลงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น ‘bbb+’ หาก SCB มีแนวโน้มอัตรากำไรและคุณภาพสินทรัพย์จัดอยู่ในระดับสอดคล้องกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตสูงกว่าและอยู่ในสภาวะแวดล้อมการดำเนินงานที่ระดับเดียวกัน (ที่ bbb) เช่น อัตราส่วนสินเชื่อคุณภาพต่อสินเชื่อรวมต่ำกว่า 3% อีกทั้งยังมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่แข็งแกร่งในด้านของอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื้อคุณภาพและเงินกองทุน เช่น CET1 อยู่ที่ระดับ 16% อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ราคาหุ้น SCB ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 67.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ2.18% มูลค่าการซื้อขายรวม 473 ล้านบาท