ดาวโจนส์พุ่งกว่า 400 จุด หลัง‘ทรัมป์’คาดซาอุฯ-รัสเซียจ่อปิดฉากสงครามน้ำมัน

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 400 จุด หลัง‘ทรัมป์’คาดซาอุฯ-รัสเซียจ่อปิดฉากสงครามน้ำมัน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (2เม.ย.)พลิกพุ่งขึ้นกว่า 400 จุด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คาดว่า ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะบรรลุข้อตกลงในการยุติการทำสงครามราคาน้ำมัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 469.93 จุด หรือ 2.24% ปิดที่ 21,413.44 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 56.4 จุด หรือ 2.28% ปิดที่ 2,526.9 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 126.73 จุดหรือ 1.72% ปิดที่ 7,487.31 จุด

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นในวันนี้ ตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ขานรับถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์ที่กล่าวว่า เขาได้หารือกับผู้นำซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันโลก ซึ่งเขาเชื่อว่าประเทศทั้งสองจะบรรลุข้อตกลงในการยุติการทำสงครามราคาในอีกไม่กี่วัน

“อุตสาหกรรมน้ำมันทั่วโลกกำลังย่ำแย่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อทั้งรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย และผมคิดว่าพวกเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้” ปธน.ทรัมป์กล่าว

ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศทำสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัสเซียยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 200 จุดในช่วงแรก หลังการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่พุ่งเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความวิตกว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.6 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1 ล้านราย

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 3.3 ล้านราย

การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 327,250 ราย สู่ระดับ 2.054 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.2560

ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สหรัฐ รายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 695,000 รายในปี 2525 ขณะที่ตัวเลขสูงสุดในช่วงเศรษฐกิจถดถอยอยู่ที่ 665,000 รายที่ทำไว้ในเดือนมี.ค.2552

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยสหรัฐ มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (215,344) รองลงมาคืออิตาลี (110,574), สเปน (110,238), จีน (81,589) และเยอรมนี (77,981)

รัฐนิวยอร์กถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในประเทศ จำนวน 83,901 ราย ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ แคลิฟอร์เนีย และมิชิแกน

นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์ก ยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐ จำนวน 2,219 ราย ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน และหลุยเซียนา