'กมธ.สวัสดิการสังคม' แนะโอนงบกว่า 200 ล้าน ของ '35กมธ.​ฯ' กู้วิกฤตโควิด-19

'กมธ.สวัสดิการสังคม' แนะโอนงบกว่า 200 ล้าน ของ '35กมธ.​ฯ' กู้วิกฤตโควิด-19

"กมธ.สวัสดิการสังคม" แนะโอนงบกว่า 200 ล้านบาท ของ "35กมธ.​ฯ" ช่วยกู้วิกฤตโควิด-19 ถาม "สภาฯ" รายละเอียดเพื่อปรับงบ จ่อเสนอ 4 มาตรการ 2 ข้อเสนอพักหนี้ ให้ "บิ๊กตู่" พิจารณาช่วยปชช.-ผู้ประกอบการ

เมื่อวันที่ 2 เม.ย.63 น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ทางกมธ.ฯ ได้ประชุมผ่านระบบทางไกล เพื่อหารือถึงมาตรการการให้ความช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 ระบาด โดยมีกมธ. จำนวน 10 คน ร่วมประชุมผ่านทางไกลจากที่บ้านพักในพื้นที่ต่างๆ ร่วมหารือ

ทั้งนี้ การหารือดังกล่าวมีมติร่วมกันต่อข้อเสนอที่เตรียมส่งเป็นหนังสือไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในหลายประเด็น คือ 1. ขยายกลุ่มเป้าหมายตามมาตรการแจกเงินให้กับผู้ว่างงาน เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ให้เป็นผู้ประกอบกิจการ ผู้ค้า เช่น ผู้ส่งสินค้า, ผู้ค้าอาหารสด, ผู้ค้าในตลาดสด ที่พบว่าได้รับผลกระทบในวิกฤตดังกล่าวโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ และให้ใช้วิธีจัดสรรเงิน ตามหมายเลขบนบัตรประชาชน โดยไม่ต้องลงทะเบียนผ่านอินเตอร์เน็ตที่พบว่าคนต่างจังหวัดที่ไม่มีอุปกรณ์ไม่สามารถเข้าถึงการลงทะเบียนได้ ทั้งนี้ในมาตรการที่ขยายดังกล่าวต้องกำหนดคุณสมบัติผู้ที่ไม่ควรได้รับเงินช่วยเหลือ เช่น นักการเมือง, ข้าราชการ, บุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มีบิดา-มารดาคอยดูแล 

น.ส.รังสิมา กล่าวด้วยว่า 2. กรณีที่หลายพื้นที่เตรียมประกาศกฎหมายห้ามประชาชนออกจากบ้านช่วงกลางดึก ควรผ่อนปรนให้กับบุคคลที่มีความจำเป็นต้องออกบ้านในช่วงห้ามออก เพื่อบรรเทาผลกระทบทางกฎหมาย เช่น ผู้ประกอบการร้านค้าที่ต้องซื้อหาวัตถุดิบในตลาดสด ตั้งแต่เวลา 01.00 น. เป็นต้น,

3. ปัญหาของมิจฉาชีพ ลักขโมย ที่อาจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากการเลิกจ้าง, ขอให้นายกฯ สั่งการไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เน้นการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และ 4.เสนอให้รัฐบาลทำถุงยังชีพแจกให้ประชาชนช่วงต้องพักอยู่บ้าน เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำปลา ซึ่งรัฐบาลอาจรับซื้อจากชาวนา, ผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นหนทางที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางช่วยเหลือทั้งประชาชนที่ไม่สามารถซื้อสินค้า ช่วยที่ต้องพักอยู่บ้าน และผู้ประกอบการภาคขนส่งที่ไม่สามารถถ่ายสินค้าไปยังชุมชนต่างๆ ได้

นอกจากนั้น ในมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล กมธ.ฯ เตรียมเสนอ 2 ประเด็น คือ หน่วยงานของรัฐที่จัดสรรพื้นที่เช่าขายให้ประชาชน เช่น การเคหะแห่งชาติ, กทม.​ขอให้พิจารณาชะลอการเก็บค่าเช่าแผงค้า 90 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และ ขอความอนุเคราะห์ไปยังธนาคารของเอกชน ให้ดำเนินการช่วยเหลือพักชำระหนี้ของประชาชน ทั้งส่วนต้นและดอกเบี้ย เหมือนกับธนาคารของรัฐดำเนินการ เพื่อเป็นช่องทางบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนช่วงวิกฤตโควิดระบาดอย่างหนัก

น.ส.รังสิมา กล่าวด้วยว่านอกจากนั้นกมธ.​ยังมีหนังสือสอบถามไปยังนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต่อการใช้งบประมาณที่จัดสรรให้กับกมธ.ฯ 35 คณะเพื่อศึกษาดูงานต่างประเทศ คณะละประมาณ 4.8 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 168 ล้านบาท และศึกษาดูงานในประเทศ คณะละประมาณ 9 แสนบาท  รวมเป็นเงินประมาณ 31.5  ล้านบาท และเมื่อรวมงบประมาณ 2 ส่วนดังกล่าวรวมกันจะได้เงินประมาณ 199.5 ล้านบาท เพื่อดำเนินการช่วยเหลือทางการแพทย์ในการจัดซื้ออุปกรณ์เพื่อต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนงบประมาณดังกล่าวตามกฎหมายไม่สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ เพราะอาจถูกมองว่าใช้เงินผิดประเภทหรือวัตถุประสงค์ได้ จึงต้องสอบถามไปยังหน่วยงานของรัฐสภา ว่าจะผ่อนปรนกติกาได้อย่างไรหรือไม่ เพราะกมธ.ฯ มองว่าขณะนี้ควรระดมทุกกำลังเพื่อช่วยเหลือราชการให้ฝ่าวิกฤตไวรัสดังกล่าวไปให้ได้