PTTEP - ขาย

PTTEP - ขาย

ประมาณการ 1Q63: สงครามราคานํ้ามันจะกระทบผลประกอบการ

Event

ประมาณการ 1Q63

Impact

คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q63F จะลดลงถึง 62% YoY และ 60% QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ใน 1Q63 จะอยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท (-62% YoY, -60% QoQ) โดยกำไรที่ลดลงจะเป็นเพราะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 6.4 พันล้านบาทบนรายการภาษี จากที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.2 พันล้านบาทใน 1Q62 และ 1.2 พันล้านบาทใน 4Q62 หลังจากที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 2.58 บาท/US$ ใน 2Q63 นอกจากนี้ เรายังคาดว่าราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของ PTTEP จะลดลง 9%QoQ เหลือ US$44.1/BOE เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวลดลง 18% QoQ เหลือ US$51.1/bbl ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 1Q63 ในขณะที่ราคาขายก๊าซลดลง 2% เหลือ US$6.8/mmbtu ใน 1Q63 ทั้งนี้ปริมาณยอดขายลดลงเล็กน้อย 5% QoQ เหลือ 374KBOED เนื่องจากคำสั่งซื้อก๊าซจากลูกค้าหลักลดลง แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าต้นทุนต่อหน่วยจะลดลง 6% QoQ เหลือ US$31.9/BOE เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานเหมือนกับใน 4Q62

มีการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐเรื่องสงครามราคานํ้ามัน

ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐ และ Vladimir Putin ของรัสเซียตกลงที่จะคุยเรื่องการสร้างเสถียรภาพตลาดน้ำมันดิบระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ในวันจันทร์ เราคาดว่าสหรัฐจะพยายามโน้มน้าวให้รัสเซียและซาอุดิอาระเบียกลับมาบนโต๊ะการเจรจาเพื่อยุติสงครามราคาน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาระเบียน่าจะเดินหน้าทำสงครามราคาน้ำมันต่อไปอีกหลายเดือน หลังจากที่กำหนดแผนเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบของประเทศเป็น 12.3MBD ในเดือนต่อๆ ไปจาก 9.7MBD ก่อนสงครามราคา นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียยังจะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบเป็น 10.6 MBD สำหรับเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทำสถิติสูงสุดใหม่ของประเทศ (จากประมาณ 7.0-7.5MBD ในทศวรรษที่ 2010s) เนื่องจาก i) ตั้งใจลดอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นในประเทศ ii) อุปสงค์น้ำมันในประเทศลดลง และ iii) ผลผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเต็มกำลังการผลิต ทั้งนี้เราจะจับตาดูนโยบายด้านน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย และสหรัฐอย่างใกล้ชิดเพราะยังสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาหลังจากที่สหรัฐโดดเข้ามาร่วมวงในสงครามราคาน้ำมันดิบ ในฐานะผู้ประสานงานและยังเป็นหนึ่งในสามผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ขาย และคงราคาเป้าหมาย DCF เอาไว้ที่ 91.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 11% และ terminal growth ที่ 1.0% แต่อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ตกหนักในเดือนมีนาคม 2563 จากสงครามราคาน้ำมันดิบรอบล่าสุด โดยปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ P/B แค่ 0.7x หรือเกือบ -2.0 s.d. (P/B ที่ 0.6x) ซึ่งเป็นระดับที่ราคาน้ำมันดิบผ่านจุดต่ำสุดที่ US$25/bbl ในเดือนมกราคม 2559 ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงทุกๆ US$5/bbl จากสมมติฐานปี 2020 ของเราที่ US$45/bbl จะทำให้ราคาเป้าหมายลดลง 3.00 บาท

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ