“พาณิชย์” เผยผลการจับกุมขายไข่ไก่แพงเพิ่ม  3 ราย หน้ากากอนามัย 10 ราย

“พาณิชย์” เผยผลการจับกุมขายไข่ไก่แพงเพิ่ม  3 ราย หน้ากากอนามัย 10 ราย

 “โฆษกพาณิชย์ “เผย สถานการณ์ไข่ไก่เริ่มดีขึ้น หลังห้ามส่งออกอีก 30 วัน และมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มข้น  ย้ำเดินหน้าตรวจสอบสถานการณ์สินค้าอย่างใกล้ชิดต่อ ป้องกันผู้บริโภคโดนเอาเปรียบ

 นายสุพพัต อ่องแสงคุณ­ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง ผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภค และเวชภัณฑ์ ของกระทรวงพาณิชย์ว่า สถานการณ์สินค้าไข่ไก่ ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ใช้อำนาจตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ยืดระยะเวลาห้ามส่งออกไข่ไก่ออกไปอีก 30 วัน ทำให้ผลผลิตไข่ไก่ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และยังได้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในการจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิด ทำให้ปัญหาการจำหน่ายไข่ไก่มีราคาสูงเกินจริงลดลง และสถานการณ์ไข่ไก่ ทั้งปริมาณไข่ไก่และราคาเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

 ทั้งนี้ ในส่วนของการจับกุมผู้กระทำผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในส่วนของไข่ไก่ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมได้อีก 3 ราย ได้แก่ ที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา และที่จังหวัดนครปฐม ข้อหาขายราคาเกินสมควร ทำให้ยอดรวมการจับกุมตั้งแต่วันที่ 26-30 มี.ค.2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 24 ราย

  158564960754

ส่วนผลการจับกุมผู้กระทำความผิดในส่วนของหน้ากากอนามัยของวันที่ 30 มี.ค.2563 จับกุมได้อีก10 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 1 ราย ข้อหากระทำความผิดขายเกินราคาควบคุม และต่างจังหวัด 9 ราย ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต 3 ราย กระทำความผิดข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา 2 ราย และขายราคาเกินสมควร 1 ราย จังหวัดเพชรบูรณ์ กระทำความผิดไม่ปิดป้ายราคา 1 ราย และจำหน่ายเกินราคาควบคุมและขายราคาเกินสมควร 1 ราย จังหวัดบึงกาฬ กระทำความผิดขายเกินราคาควบคุม 1 ราย จังหวัดระยอง กระทำความผิดขายราคาเกินสมควร 2 ราย และจังหวัดอำนาจเจริญ กระทำความผิดขายเกินราคาควบคุม ไม่ปิดป้ายแสดงราคา และปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าควบคุม 1 ราย ทำให้มียอดรวมการจับกุมรวม 230 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 111 ราย และต่างจังหวัด 119 ราย

 สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25  มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มาตรา 28 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ข้อหาขายแพงเกินสมควร มาตรา 29 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  158564955589

นายสุพพัต กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ขอให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดภาวการณ์ขาดแคลนอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างแน่นอน เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญ และอยากที่จะขอความร่วมมือประชาชนทุกคน อย่ากักตุน ขอให้ซื้อแต่พอเพียง ซึ่งจะช่วยให้สถานการณ์ในขณะนี้ดีขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบประชาชน โดยเฉพาะสินค้าที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นในขณะนี้ ทั้งไข่ไก่ หน้ากากอนามัย     เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ประชาชนต้องการในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงจะมีการตรวจสอบและติดตามสินค้ารายการอื่นๆ อย่างใกล้ชิดด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฉวยโอกาส