เขียวตามรอบบ้าน

เขียวตามรอบบ้าน

คาด SET รีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,100 - 1,110 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตาม Sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นตอบรับรัฐบาลต่างๆทั่วโลกออกมาตรการต่างๆเพื่อรับมือสถานการณ์ Covid-19

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้ปรับตัวลงปิดที่ 1,087 จุด (-11.94 จุด) หรือ -1.09% ด้วย Volume ซื้อขาย 4.1 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านจากความกังวลยอดผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ทั่วโลกยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในฝั่งอเมริกาและยุโรปซึ่งจะกดดันให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ประกอบแรงขายกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงส่งผลให้ดัชนีปิดในแดนลบ ทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม Bank , Fin , Petro และ Energ ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,023 ล้านบาท  และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,260 ล้านบาท รวมถึง Net Short TFEX 30,253 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลาง – บวก คาด SET รีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,100 - 1,110 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตาม Sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นตอบรับรัฐบาลต่างๆทั่วโลกออกมาตรการต่างๆเพื่อรับมือสถานการณ์ Covid-19 ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย , ใช้ QE ,อัดฉีดงบประมาณ รวมถึงขยายช่วงเวลา Social distancing เพิ่มควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยบวกภายในหลังกองทุน SSF พิเศษเพื่อลดหย่อนภาษีเตรียมเสนอขายตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าราว 6 หมื่นลบ.เพื่อพยุงดัชนี อย่างไรก็ตามความกังวลผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ทั่วโลกที่ยังคงพุ่งขึ้นโดยล่าสุดมียอดสูงถึง 7.7 แสนราย รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจาก Demand การใช้น้ำมันที่ชะลอตัวรวมถึง Supply ที่จะเพิ่มขึ้นหลังซาอุฯเตรียมเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบเป็น 10.6 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ค.จะกดดันต่อกลุ่มพลังงานและดัชนีให้สลับอ่อนตัวลง 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม ICT (ADVANC, INTUCH, DTAC)  ได้อานิสงส์ Work from home
  • กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC, MAKRO) ประชาชนเร่งกักตุนสินค้าเพื่อรองรับสถานการณ์ Covid-19
  • กลุ่มอาหาร (CPF, TU) ได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้

  • CPALL (ปิด 60.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 88 บาท) ได้อานิสงส์ประชาชนกักตุนสินค้าหนุนยอดขาย CPALL และ MAKRO (CPALL ถือหุ้น 38%) เพิ่มขึ้น และคาดว่า CPALL จะได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ (คืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า 21 ล้านครัวเรือนมูลค่า 30,000 ล้านบาท และแจกเงินภาคแรงงาน 5,000 บาทต่อราย เป็นเวลา 3 เดือน วงเงินรวม 45,000 ล้านบาท) 
  • INTUCH (ปิด 49.25 ซื้อ/เป้า 79) ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุน (NAV) ใน ADVANC และ THCOM โดยมี Discount จากมูลค่า NAV ถึง 35% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราคาจะ discount จาก NAV ประมาณ 20-25% และหากมองในด้านเงินปันผล INTUCH ยังให้ Dividend yield สูงกว่า ADVANC โดยปีนี้เราคาว่า INTUCH จะจ่ายปันผลประมาณ 3 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 6.1% สูงกว่า ADVANC ที่ให้ Dividend yield เพียง 3.8%

บทวิเคราะห์วันนี้

MINT (ปิด 16.1  ซื้อ/เป้าใหม่ 32 เดิม 34), VNT (ปิด 16.10 ซื้อ/เป้าใหม่ 25 เดิม 29)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์บวกอีก 691 จุด รับข่าวทรัมป์ลงนามในมาตรการเยียวยามูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ และมีความหวังบวกจากการทดลองวัคซีนต้าน Covid-19: ตลาดหุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 691 จุด (+3.2%) ปิดที่ระดับ 22,327 จุด จาก 1) นักลงทุนยังขานรับกับข่าวที่ โดนัล ทรัมป์ ลงนามในมาตรการเยียวยาจากผลกระทบไวรัส Covid-19 มูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์คิดเป็น 10% ของ GDP สหรัฐ, 2) มีความหวังเชิงบวกจากการทดลองวัคซีนของบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดยบริษัทระบุว่าจะเริ่มทดลองวัคซีนในคนประมาณเดือน ก.ย.ปีนี้และจะผลิตจำหน่ายเป็นทางการต้นปีหน้า และ 3) คาดหวัง ทรัมป์ ประกาศยุติมาตรการ Lockdown ตามที่ทรัมป์ระบุไว้ในช่วงเทศกาลอิสเตอร์ของสหรัฐ (12 เม.ย.) อย่างไรก็ตามเรายังต้องติดตามสถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐมีผู้ติดเชื้อมากถึง 1.6 แสนคนมากกว่าจีนถึงเท่าตัว หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายเป็นไปได้ว่า ทรัมป์ อาจจะต้องขยายเวลา Lockdown ออกไป ซึ่งจะกลับมาเป็น Sentiment ลบกดดันตลาดในระยะถัดไป
  • (-) ราคาน้ำมันดิบร่วงแตะระดับ 20$/bbl ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 18 ปี กดดันผลประกอบการและ Sentiment ลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจน้ำมัน: ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงสวนทางกับตลาดหุ้นวอลสตรีท โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงอีก 1.42 ดอลลาร์ (-6.6%) ปิดที่ระดับ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นราคาปิดต่ำสุดในรอบกว่า 18 ปี ปัจจัยลบยังเป็นเรื่องเดิมคือ 1) กังวลดีมานด์หดตัวหลัง Covid-19 ระบาดกระทบทุกกิจกรรมเศรษฐกิจของโลก, 2) กังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาดหลังซาอุฯสั่งเพิ่มปริมาณการผลิตและส่งออกเพื่อแย่ง Market share จากรัสเซียและสหรัฐ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก บริษัทเซเวนส์ รีพอร์ท รีเสิร์ช ในสหรัฐคาดการณ์ว่าทั้ง 2 ปัจจัยนี้อาจจะกดดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงไปสู่ระดับ 10$/bbl ได้ในระยะเวลาอันใกล้
  • (+) วันนี้ลุ้น ครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 และพรุ่งนี้ บลจ.เปิดขายกองทุน SSF เพิ่มเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาด: เรายังคาดหวังภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากที่มาตรการระยะที่ 1 และ 2 คิดเป็นเพียง 3% ของ GDP ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับมาตรการของประเทศอื่นๆทั่วโลกที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคิดเป็น 10% ของ GDP โดยวันนี้เป็นไปได้ที่ ครม.จะมีการหารือและอนุมัติเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้เงิน 2 แสนล้าน เพื่อใช้เป็นงบประมาณเพิ่มเติมจากงบประมาณปกติ ขณะที่พรุ่งนี้ บลจ.จะเปิดขายกองทุน SSF เป็นวันแรกเบื้องต้นคาดมี 17 กองทุน เรามีมุมมองบวกอ่อนๆกับปัจจัยนี้เพราะการเปิดขายกองทุนดังกล่าวจะมีเม็ดเงินใหม่ (New money) เข้ามาช่วยประคองตลาด อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับกระแสตอบรับของตลาดเนื่องจากช่วงเวลาที่เปิดขายค่อนข้างจำกัด ( 1 เม.ย.- 30 มิ.ย. 63) และอยู่ในช่วงกลางปีทำให้มนุษย์เงินเดือนมีกำลังซื้อน้อย (ไม่มีโบนัส)