ลง (สลับรีบาวด์)

ลง (สลับรีบาวด์)

เก็งกำไรแบบมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เราคาดดัชนีฯ ลง (สลับรีบาวด์) แนวรับ 1070 / 1050 จุด แนวต้าน 1124 / 1133 จุด ประเด็นที่มีผลต่อตลาด ได้แก่ 1) ความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจต้องดาเนินมาตรการปิดประเทศ มี.ค. วามเป็นไปได้สูงขึ้น หลังจานวนแพร่ระบาดในสหรัฐฯ เพิ่มจาก 100 ราย เป็น 1 แสนราย ภายใน 1 เดือน 2) ตลาดหุ้นโลกวันวันศุกร์ปิดลดลง เพราะวิตกการแพร่ระบาดของสหรัฐฯ และมาตรการช่วยเหลือบจ.ของสหรัฐฯ เป็นแบบมีเงื่อนไข ไม่ใช่ให้เงินฟรี หรือการซื้อน้ามันดิบเข้าคลังสารองฯ 30 ล้านบาร์เรล ไม่เป็นไปตามที่เคยแถลง 3) การครบกาหนดสัญญาอนุพันธ์วันนี้ อาจเป็นปัจจัยบวกชั่วคราว จากการปิดโพสิชั่นอนุพันธ์ของนักลงทุนต่างชาติ (ปัจจุบันมี Long Position สะสมสูงถึง 1.4 แสนสัญญา MTD)

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: USA-Pending Home Sales เดือน ก.พ. คาด-1% MoM (Vs เดือน ม.ค. +5.2%) / EU-Business Confidence เดือน มี.ค. คาด -0.05 (Vs เดือน ก.พ. -0.04)

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วันศุกร์

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวก: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหว Up and Down โดยสร้างจุดสูงสุดที่1124.28 จุด +32.32 จุด ก่อนปรับลดลงในช่วงบ่ายมาปิดที่ 1099.76 จุด +7.80 จุด +0.71% วอลุ่ม 6.54 หมื่นล้านบาท กลุ่มธนาคาร +4.06% ไฟแนนซ์ +3.42% จากแรงซื้อหุ้นบลูชิพ KBANK TISCO SAWAD MTC PLANB COM7 TCAP JMT DOHOME TKN และขายทำกำไร PTT PTTEP CRC DTAC

- ตลาดหุ้นโลกกลับมาร่วง: การวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสฯที่ เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ และมาตรการช่วยบจ.ที่ประสบปัญหา ต้องไม่ใช่แจกเงินฟรี ส่งผลตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาร่วงลง นำโดยหุ้นกลุ่มสายการบิน พลังงาน ธนาคาร DJ -4.06% S&P500 -3.37% Nasdaq -3.79% ส่วนตลาดหุ้นยุโรป CAC40 -4.23% DAX -3.68% FTSE -5.25% (ทั้งสัปดาห์ DJ +12.8% WoW สูงสุดตั้งแต่ปี 1938 S&P +10.3% WoW Nasdaq +9.1% WoW ตลาดหุ้นยุโรป เพิ่ม 5.4%-7.9% WoW )

- น้ำมันดิบและทองคำร่วง: WTI -USD1.09 -4.8% ปิด USD21.51/บาร์เรล Brent -USD1.41 -5.4% ปิด USD24.93/บาร์เรล หลัง IEA คาดอุปสงค์น้ำมันโลกปีนี้จะลดลง 20% หรือ 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากมาตรการ Lockdown ส่วนทองคำปิดลดลง -USD26.2 -1.59% ปิดUSD1625/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไร(ทั้งสัปดาห์ WTI-5% WoW Brent -7.6% WoW น้ำมันร่วงเป็นสัปดาห์ที่ห้า ส่วนทองคำ +9.5% WoW สูงสุดตั้งแต่เดือน ก.ย. 2008)

ประเด็นสำคัญ

- Foreign net buy/sell (วันที่ 23-27 มี.ค.): นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6 ชาติ ในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น)ต่อเนื่องอีก -USD3.42bn (สัปดาห์ก่อนหน้าขายสุทธิ -USD10.92bn) โดยขายทุกตลาด ส่วนตลาดหุ้นไทยถูกขายต่อเป็นสัปดาห์ที่ 11 ด้วยปริมาณลดลง –USD244mn (Vs สัปดาห์ก่อน –USD829mn) ทำให้ 2020E YTD มีแรงขายสะสม–USD3,558mn

- COVID-19 Update ณ วันที่ 29 มี.ค.: พบผู้ติดเชื้อทั่วโลก 634,835 ราย (+63,159 รายใหม่) ผู้เสียชีวิต 29,957 ราย (+3,464 รายใหม่) โดยสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อฯ สูงสุด 103,321 ราย (+18,093) รองมา คือ อิตาลี 92,472 ราย (+5,974 ราย) ส่วน John Hopkins University พบมีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 691,000 ราย เสียชิวิต 32,000 ราย สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อ 125,300 ราย เสียชีวิต 2,200 ราย ปธน.ทรัมป์ สั่งให้ Social Distance จนถึงวันที่ 30 เม.ย. และคาด Death Rate จะสูงสุดใน 2 สัปดาห์หน้า

- WHO: พบความเสี่ยงสูงขึ้นของการระบาดไวรัสฯ โดยใช้เวลา 67 วัน ที่ผู้ติดเชื้อใหม่ในโลกจะมีจำนวน 1 แสนคน และใช้เพียง 11 วัน สำหรับการมีจำนวน 2 แสนคน และเพียง 3 วัน ที่มีผู้ติดเชื้อเป็น 3 แสนคน ทั้งนี้ หากการระบาดยังคงไม่สิ้นสุด ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและสินทรัพย์การเงิน ก็ยังคงมีต่อเนื่อง IMF: ชี้วิกฤติไวรัสฯ เป็นวิกฤติ gigantic Crisis โดยความรุนแรงและระยะเวลาฟื้นตัว ของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขึ้นอยู่กับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสฯ และความร่วมมือของโลกในการรับมือ โดย IMF เตรียมเงินช่วยเหลือสมาชิก USD1Trn

- ไทย: สธ. รายงานผู้ติดเชื้อ ณ วันที่ 29 มี.ค. มีจำนวนสะสม 1,388 ราย (+143) เสียชีวิตสะสม 7 ราย (+1) เฉลี่ย 7 วันทำการที่ผ่านมา (23-29 มี.ค.) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 112.7 ราย

- USA: จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าตัว ใน 3 วัน ส่งผลให้ 23 รัฐถูกสั่งให้ stay at home หรือภายใต้คำแนะนำ และมี 7 รัฐ รวมถึง Washington DC สั่งปิดหน่วยงานที่ไม่จำเป็น ขณะที่บางรัฐเช่น Texas, Florida, Pennsylvania มีคำสั่งให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้านแล้ว แม้รัฐบาลยังไม่ออกคำสั่งแต่อย่างใด ล่าสุด โจ ไบเดน เสนอให้ใช้มาตรการปิดประเทศเพื่อลดการระบาด ขณะที่ปธน.ทรัมป์ มี.ค. ความเห็นให้กัก 14 วัน ถ้ามาจากรัฐเสี่ยง แต่ต้องรอการประกาศจาก CDC เพราะทางกฎหมาย รัฐบาลไม่สามารถประกาศได้เอง มิฉะนั้นจะถูกฟ้องร้องจากบริษัทต่างๆ

- การระบาด: USA-จำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกและเกือบครึ่งหนึ่งมาจากรัฐนิวยอร์ก ทำให้ผู้ว่าการนิวยอร์ก เรียกร้องขอเตียงเพิ่ม 110,000-140,000 เตียง ภายในต้นถึงกลางเดือน พ.ค. จากปัจจุบัน 53,000 เตียง และขอเครื่องช่วยหายใจสาหรับผู้ป่วยโดยปัจจุบันมีเพียง 4 พัน จากต้องการอย่างน้อย 3 หมื่นเครื่อง ภายใน 2 สัปดาห์นี้ ส่งผลให้ปธน.ทรัมป์ สั่งGM ให้เร่งผลิตตามประกาศกฎหมายฉุกเฉิน UK-นายกฯ จอห์นสัน ติดเชื้อไวรัสฯ และหากทาให้เป็นผู้ไร้สมรรถภาพในการบริหารประเทศ จะให้นายแมตต์ แฮนค็อก รมว.ต่างประเทศ ขึ้นเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ออสเตรเลีย-รัฐบาลสั่ง กักตัวคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศไว้ในโรงแรม 2 สัปดาห์ มีผลตั้งแต่วันอาทิตย์ 29 มี.ค. เป็นต้นไป

+ มาตรการการเงิน: USA-ปธน.ทรัมป์ลงนามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน USD2Trn แล้วเมื่อคืนวันศุกร์ EU-รัฐมนตรีคลังจะใช้เวลา2สัปดาห์ในการหารือมาตรการช่วยเหลือฯ หลังรัฐสภายุโรปอนุมัติกองทุนฉุกเฉินวงเงิน USD4.05หมื่นล้าน เมื่อคืนวันพฤหัสฯ ที่ 26 มี.ค. ส่วนวันศุกร์ เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ไม่อนุมัติต่อการออกพันธบัตรอียูที่เสนอโดย ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ECB-ยกเลิกข้อจากัดเรื่องปริมาณ Bonds ที่ทาง ECB สามารถซื้อจากแต่ละประเทศในอียู เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องในประเทศที่มีปัญหา Canada-ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินลงเหลือ 0.25% จากเดิม 0.75% มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 มี.ค. เป็นต้นไป โดยเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในเดือนนี้ และจะซื้อตราสารเพื่อการพาณิชย์ และพันธบัตรรัฐบาล เพื่อช่วยรับประกันสภาพคล่องในตลาดการเงินด้วย UK-Fitch Rating หั่นเครดิตลง 1 ขั้นเป็น AA- จากเดิม AA และ Negative outlook (ลดลงเมื่อเทียบกับ S&P ที่ปัจจุบันให้เรตติ้ง AA และ Stable outlook)

+ Derivative: การครบกำหนดสัญญาอนุพันธ์ประจำเดือน มี.ค. (วันจันทร์) อาจส่งผลบวกระยะสั้น อิงสถิติย้อนหลังในอดีต พบว่าดัชนีฯ มีโอกาสปรับสูงขึ้น หากปริมาณ Long สะสมของต่างชาติสูงกว่า 5 หมื่นสัญญา (1Q20 QTD ต่างชาติมีปริมาณ Long สะสมสูงถึง 1.4 แสนสัญญา)

+ ตัวเลขเศรษฐกิจวานนี้: USA-Personal Income เดือน ก.พ. ดีกว่าคาด +0.6% MoM Vs คาด +0.4% MoM, เดือน ม.ค. +0.6%) Personal Spendings เดือน ก.พ. ตามคาด +0.2% MoM, Vietnam-1Q20 GDP เติบโต 3.82% YoY ต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2009 (Vs 4Q19 +6.79% YoY) และทั้งปีคาด +6%

กลยุทธ์: เก็งกำไรแบบมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: STA ADVANC CPF

บจ.ที่จะมีการทำ Share Repurchase สัปดาห์นี้: TFG (เริ่ม 30 มี.ค.) SCP (31 มี.ค.) BA CPALL CPF GUNKUL TU (1 เม.ย.) XO (2 เม.ย.) TRUE ซื้อคืน 500 ล้านหุ้น วงเงิน 1.5 พันล้านบาท ช่วงวันที่ 14 เม.ย. - 13 ต.ค.

Derivatives: แนะระมัดระวังการซื้อขาย S50H20 ที่จะหมดอายุวันนี้ตอน 16:30 น. (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)