ปรับสูงขึ้น

ปรับสูงขึ้น

เก็งกำไรแบบมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

เราคาดดัชนีฯ ปรับสูงขึ้น แนวรับ 1070 / 1050 จุด แนวต้าน 1130 / 1164 จุด ประเด็นที่มีผลต่อตลาด ได้แก่ 1) ตลาดหุ้นโลกพุ่งแรงรับข่าวมาตรการเยียวยาจากสหรัฐฯ (กฎหมายกระตุ้นขนาดUSD2Trn) และ EU (ออกกองทุนฉุกเฉิน USD4.05หมื่นล้าน) และปธน.ทรัมป์ อ้างว่าพบยาต้านไวรัสได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ต้องมีการทดลอง เพื่อยืนยันว่าเป็นความจริง 2) โมเมนตัมบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากแรงซื้อคืนหุ้นอิงท่องเที่ยวและการปิดโพสิชั่นอนุพันธ์วันจันทร์นี้ (นักลงทุนต่างชาติมี Long Position สะสมสูงถึง 1.4 แสนสัญญา MTD) 3) สัญญาณทางเทคนิคเกิดการรีบาวด์ โดย DJIA ปรับขึ้นมาแล้ว 17% ภายใน 3 วันทำการ และมีแนวต้านหลักต่อไปที่ 23,900 จุด ส่วนตลาดหุ้นไทยจะมีสัญญาณขาขึ้นไปที่ 1187-1200 จุด หากสามารถทะลุแนวต้าน 1130 จุด ขึ้นไปได้

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: USA-Personal Income เดือน ก.พ. คาด +0.4% MoM (Vs เดือน ม.ค. +0.6%) Personal Spendings เดือน ก.พ. คาดเท่าเดิม +0.2% MoM / China-Industrial Profits เดือน ก.พ. คาด -8% YoY (Vs เดือน ม.ค. -3.3%)

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วานนี้

+ ตลาดหุ้นไทยขึ้นตามกลุ่ม TIPs: ตลาดหุ้นไทยแกว่งในกรอบ sideway up 1082-1103จุด ก่อนปิดที่ 1091.96 จุด +11.93 จุด +1.1% วอลุ่ม 6.23 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่ม ไฟแนนซ์ +4.62% ธนาคารฯ +3.26% วัสดุก่อสร้าง +2.2% ทั้งนี้ มีแรงซื้อคืนหุ้นร่วงแรง CRC MINT SCB KTB SAWAD MTC BFIT JMT TCAP PLANB ERW และขายทำกำไร TQM TU

+ ตลาดหุ้นโลกขึ้นต่อ: การคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะผ่านได้ในวันนี้และสภาอียูอนุมัติกองทุนฉุกเฉิน 4.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคระบาด ส่งผลบวกต่อการพุ่งแรงของตลาดหุ้นโลก นำโดยหุ้นอิงท่องเที่ยว สายการบิน DJ +6.38% S&P500 +6.24% Nasdaq +5.6% CAC40 +2.51% DAX +1.28% FTSE +2.24%

- น้ำมันดิบร่วงแต่ทองบวก: WTI -USD1.89 -7.7% ปิด USD22.60/บาร์เรล Brent -USD1.05 -3.8% ปิด USD26.34/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ ยุติแผนการซื้อน้ำมัน เพื่อ กักเก็บในคลังสำรองฯ เพราะสภาฯ ไม่อนุมัติงบ USD2bn ส่วนทองคำเพิ่ม USD26 +1.59% ปิด USD1660.30/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

ประเด็นสำคัญ

- COVID-19 Update ณ วันที่ 26 มี.ค.: พบผู้ติดเชื้อทั่วโลก 462,684 ราย (+49,219 รายใหม่) ผู้เสียชีวิต 20,834 ราย (+2,401 รายใหม่) นำโดยอิตาลี 74,386 ราย (+5,210) USA 63,570 ราย (+11,656) โดยรัฐนิวยอร์กมีคนไข้เกือบครึ่งหนึ่ง ส่วนข้อมูลจากม.จอห์น ฮอปกินส์ ระบุทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 526,000 ราย เสียชีวิต 23,700 ราย USA มีผู้ติดเชื้อ 82,400 ราย เสียชีวิต 1,100 ราย ส่วนจีนมีการศึกษา พบว่าผู้ติดเชื้อซ้ำอาจเกิดขึ้นประมาณ 14%  ส่วนไทย: สธ. รายงานผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 107 ราย (Vs วันก่อนหน้า +106 ราย) ส่งผลยอดผู้ติดเชื้อสะสม 934 ราย

+ Technical Rebound: การรีบาวด์ตามหลัก Fibonanci จะอยู่ที่ระดับ 1/3 ½ และ 2/3 ของปริมาณการลดลงที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้น DJIA ที่พลิกฟื้นขึ้นมา 17% ภายใน 3 วันทำการ หลังร่วงไป 38.4% จะมีแนวต้านสำคัญที่ 23,900 จุด ส่วนตลาดหุ้นไทยมีสัญญาณขาขึ้นไปที่ 1187-1200 จุด หากทะลุแนวต้าน 1130 จุด ขึ้นไปได้

+ ไทย: ก.ล.ต. เผยบจ. ที่ไม่สามารถประเมินด้อยค่า สามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ เป็นบวกต่อหุ้น PTTEP และอสังหาฯ ให้เช่า AWC ฯลฯ ส่วน THAI รมว.คลัง เผยพร้อมสนับสนุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้

+ USA: ปธน.ทรัมป์ เผยจะใช้ยา choloroquine และ hydroxycholoroquine เป็นความหวังในการรักษาไวรัสฯ

+ มาตรการการเงิน: ผู้นำกลุ่ม G-20 แจ้งว่าได้อัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจมากกว่า USD5Trn เพื่อเยียวยาและป้องกันการตกงาน ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและสัญญาว่าจะทำทุกวิธี เพื่อที่จะชนะการระบาดของไวรัสฯ

+ ตัวเลขเศรษฐกิจวานนี้: USA ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สูงสูดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.28 ล้านราย เทียบกับสถิติในอดีต 6.95 แสนราย ในเดือน ต.ค. 1982 และ 6.65 แสนราย ในวิกฤติ Great Depression เดือน มี.ค. 2009 (Vs ตลาดคาด 1-4 ล้านราย) ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการว่างงานเดือน มี.ค. (ประกาศศุกร์หน้ามีโอกาสที่จะขึ้นไป 2-3 เท่า จากปัจจุบันที่ 3.5%)

กลยุทธ์: เก็งกำไรแบบมีจุดขายตัดขาดทุน 3%

บจ.ที่มีการ Short สูงในสัปดาห์นี้: PTT AOT ADVANC GULF SCC CPALL PTTEP GPSC PTTGC KBANK BBL SAWAD BGRIM CPN TISCO MTC

Derivatives: แนะชะลอเปิดสถานะเพิ่มใน Gold Online Futures เนื่องจากราคาเคลื่อนไหวผิดจากภาวะปกติ (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)