ลุ้น Window dressing

ลุ้น Window dressing

การทำ Window dressing ปิด NAV 1Q20 ของกองทุน จะเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้ปรับตัวขึ้นปิดที่ 1,092 จุด (+11.93 จุด) หรือ +1.10% ด้วย Volume ซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท ตามปัจจัยบวกภายนอกหลังทำเนียบขาวและวุฒิสภาบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส Covid-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลล่าร์ รวมถึงแรงซื้อในกลุ่มหุ้นที่ทรุดตัวลงแรงก่อนหน้านี้ ได้แก่ Fin, Bank และ Tourism ช่วยหนุนภาวะตลาด อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิ 1,949 ล้านบาท  แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 426 ล้านบาท และ Net Long TFEX 17,484 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,080 - 1,100 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากรัฐบาลต่างๆทั่วโลกเร่งออกมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบสถานการณ์ Covid-19 โดยวานนี้รัฐสภายุโรปอนุมัติตั้งกองทุนฉุกเฉิน 3.7 หมื่นล้านยูโรเพื่อช่วยเหลือสายการบินยุโรป รวมถึงวันนี้ (27 มี.ค.) สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐจะลงมติร่างกฏหมายมาตรการเยียวยาจากไวรัส Covid-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนจะส่งต่อให้ปธน.ทรัมป์ลงนาม ประกอบกับประเด็นการทำ Window dressing ปิด NAV 1Q20 ของกองทุน ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงหลังสหรัฐระงับแผนการซื้อน้ำมัน 30 ล้านบาร์เรลเข้าคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) รวมถึงความผันผวนจากการเปลี่ยน Series TFEX  H20 เป็น M20 ที่จะเทรดวันสุดท้าย 30 มี.ค.นั้นจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม ICT (ADVANC, INTUCH, DTAC)  ได้อานิสงส์ Work from home
  • กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC) ประชาชนเร่งกักตุนสินค้าเพื่อรองรับสถานการณ์ Covid-19
  • กลุ่มอาหาร (CPF, TU) ได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้

  • INTUCH (ปิด 49 ซื้อ/เป้า 79) ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุน (NAV) ใน ADVANC และ THCOM โดยมี Discount จากมูลค่า NAV ถึง 35% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราคาจะ discount จาก NAV ประมาณ 20-25% และหากมองในด้านเงินปันผล INTUCH ยังให้ Dividend yield สูงกว่า ADVANC โดยปีนี้เราคาว่า INTUCH จะจ่ายปันผลประมาณ 3 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 6.1% สูงกว่า ADVANC ที่ให้ Dividend yield เพียง 3.8%
  • BCPG (ปิด 11.9 ซื้อ/เป้า 19.8) Valuation ไม่แพงซื้อขายบน PE ต่ำเพียง 10 เท่าจ่ายปันผลสม่ำเสมอให้ Dividend yield ประมาณ 5-6% ต่อปี เทียบกับ PE เฉลี่ยของกลุ่มที่ 20-30 เท่าและ Dividend yield ประมาณ 2% นอกจากนี้ BCPG ยังมี Growth story จากจำนวน MW ที่เพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้า Nam San 3A และ 3B ในเวียดนาม, โรงไฟฟ้าพลังงานลม Swan กำลังการผลิต 270MW ในลาว และโรงไฟฟ้า solar สี่แห่ง 75MW ในญี่ปุ่น

บทวิเคราะห์วันนี้

TOP (ปิด 30.25 ซื้อ/เป้า 48)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์ปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นักลงทุนยังตอบรับข่าววุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฏหมายเยียวยาผลกระทบจากไวรัส Covid-19: ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นอีก 1,352 จุด (+6%) ปิดที่ระดับ 22,552 จุด (ทะลุแนวเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน) อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกยังเป็นเรื่องเดิมคือนักลงทุนยังคงตอบรับกับข่าวที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฏหมายเพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส Covid-19 มูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญ ด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ 96-0 เสียง และวันนี้จะส่งให้สภาผู้แทนราษฏรพิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะได้รับความเห็นชอบเช่นกัน หากผ่านความเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้จะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ
  • (-) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน - ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 1.89 $/bbl จากข่าวสหรัฐระงับแผนซื้อน้ำมันเก็บไว้ในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์: ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงสวนทางกับตลาดหุ้นวอลสตรีท โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.89 ดอลลาร์ (-7.7%) ปิดที่ระดับ 22.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นการลดลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ หลังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐประกาศระงับแผนการซื้อน้ำมันเพื่อเก็บไว้ในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เนื่องจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าวซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับร่างกฏหมายเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งไม่มีการตั้งงบประมาณเพื่อซื้อน้ำมันเก็บไว้ใน SPR เช่นกัน
  • (-) การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ยังน่าเป็นห่วง ล่าสุดสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อแซงหน้าจีนและกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดของโลก: ข้อมูลจาก worldometer ล่าสุดมีรายงานว่าสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในวันเดียวมากถึง 15,461 ราย ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 83,672 ราย มากกกว่าประเทศจีนและทำให้สหรัฐกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดของโลก ขณะที่สถานการณ์ในยุโรปยังน่าเป็นห่วงเช่นเดียวกันโดยเฉพาะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และเสียชีวิตใน สเปนที่เร่งตัวขึ้น โดยวานนี้สเปนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 8,271 รายและมีผู้เสียชีวิตในวันเดียว 718 ราย มากกว่าอิตาลีที่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ที่ 712 ราย