กลุ่ม G20 อัดฉีดเงิน 5 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้น คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังสหรัฐได้รับอนุมัติได้รับวงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
รวมถึงประเทศอื่นๆที่ทยอยดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ตลาดเริ่มไม่ตอบสนองเชิงลบต่อข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,091.96 จุด (+11.93 จุด) Volume 6.2 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,949.14 ลบ. TFEX Net 17,484 สัญญา
ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ
+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 1,351.62 จุด +6.38% ขานรับวุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงผ่านร่างกม.เยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าร่างกม.ฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเช่นกัน
+สหรัฐเผย GDP Q4/62 ขยายตัว 2.1% สอดคล้องคาดการณ์
+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 16.68 จุด +0.60% ปิดที่ 2,764.91 จุด
-สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.28 ล้านราย สูงเป็นประวัติการณ์จากพิษโควิด-19
-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.89 ดอลลาร์ -7.7% ปิดที่ 22.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐระงับแผนซื้อน้ำมันกักเก็บในคลังสำรอง เนื่องจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณ
-ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 882.03 จุด -4.51% แตะที่ 18,664.60 จุด
-จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัส COVID-19 ทั่วโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง
-ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตามสินทรัพย์เสี่ยงหลัง รัฐสภายุโรปไฟเขียวตั้งกองทุนฉุกเฉิน 3.7 หมื่นล้านยูโรรับมือผลกระทบโควิด-19
-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.13 แสนลบ. ค่าเงินบาท 32.59 บาท/US
*จับตาเช้านี้ดร.สมคิดเรียก หน่วยงานตลาดเงิน-ตลาดทุนหารือมาตรการเศรษฐกิจบรรเทาผลกระทบโควิด-19 วันนี้สภาผู้แทนฯสหรัฐเตรียมลงมติมาตรการเยียวยาโควิด-19 และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก โดยมีแรงหนุนจากการที่กลุ่ม G20 ยืนยันที่จะอัดฉีดเงิน 5 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจโลก เพื่อพยายามควบคุมความเสียหายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลง -7.7% จะกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,070 -1,110 จุด
หุ้นรายงานพิเศษ
ก. พาณิชย์ คาดส่งออกไทย Q2/63 มีโอกาสกลับมาขยายตัว หลังสินค้าเกษตรและอาหารมีความต้องการสูง สินค้าหลักที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มได้หลังจากนี้ ได้แก่ สินค้าอาหาร เช่น ข้าว ผักผลไม้ มันสำปะหลัง ยางพารา ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป เครื่องดื่ม สิ่งปรุงรสอาหาร ด้านสินค้าอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการส่งออกเติบโตดี อาทิ เครื่องยนต์สันดาปฯ และส่วนประกอบรถยนต์ ถุงมือยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ แผงสวิตซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (ที่มา อินโฟเควสท์)
ความเห็น แม้การแพร่ระราดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ แต่สินค้าขั้นพื้นฐานยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่านับเป็นผลบวกต่อการส่งออกสินค้าดังกล่าว เราแนะนำหุ้น RBF CPF GFPT TU STA
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้น Defensive (RATCH TTW ADVANC CHG)
- หุ้น High Dividend Yield (KKP TISCO INTUCH)
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Lockdown (MAKRO BJC CPALL TU TFMAMA)
- หุ้นได้ประโยชน์จากการส่งเสริมการทำงานที่บ้าน (ADVANC INTUCH DTAC TRUE JAS JASIF DIF COM7 SIS SYNEX)
หุ้นมีข่าว
· (-) CPN (Bloomberg Consensus 67.76 บาท) แจ้งยกเว้นค่าเช่าให้ร้านค้าที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในช่วงที่ศูนย์การค้าปิดให้บริการชั่วคราวตามประกาศภาครัฐเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และสำหรับร้านค้าที่ยังคงเปิดดำเนินการได้ด้วยการลดค่าเช่า 10-50% รวมทั้งสนับสนุนร้านค้าขายในรูปแบบ Pick Up & Delivery ในระหว่างที่ศูนย์การค้าปิดดำเนินการ
ความเห็น คาดจะเห็นรายได้รวมในช่วง 1H63 แผ่วลงจากผลกระทบและฟื้นตัวในช่วง 2H63 คาด Consensus มีแนวโน้มปรับลดประมาณการรายได้ซึ่งอาจส่งผลให้กำไรปกติปี 63 ลดลงจากประมาณเดิมที่ 1.2 หมื่นล้านบาท +3% ขณะที่อัพไซต์จากการขายสินทรัพย์เข้า CPNREIT ไม่แน่นอนจากภาวะตลาดที่มีความผันผวน
· (-) BDMS (Bloomberg Consensus 26.08 บาท) - BH (Bloomberg Consensus 132.77 บาท) แจ้งเลื่อนประชุมผู้ถือหุ้นไม่มีกำหนด จากกำหนดการในวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งมีวาระการประชุมในการขออนุมัติเข้าทำรายการ tender offer หุ้น BH และทบทวนแผนเสนอซื้อหุ้น BH ขณะที่ BBL ได้ใช้สิทธิแปลงหุ้นกู้แปลงสภาพของ BH ล่วงหน้าซึ่งมีกำหนดหมดอายุปี 2570 ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 3 และส่งผลให้ “กลุ่มโสภณพนิช” ถือหุ้น BH รวมกันเกือบ 30% ที่ถือหุ้น BH อยู่ 24.99%
· (+/-) SUPER (Bloomberg Consensus - บาท) ทุ่ม 1.46 หมื่นล้านบาท ลุยซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์มที่เวียดนาม 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 750 เมกะวัตต์ จ่อ COD ภายใน ธ.ค. 63 คาดรับรู้รายได้กว่า 2 พันล้านบาทต่อปี ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลม 421 เมกะวัตต์ หนุนรายได้เพิ่มอีกกว่า 3 พันล้านบาท ดันรายได้ปีหน้าทะลุ 1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาดโต 6,864 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
· (-) CPW (Bloomberg Consensus - บาท) ปิดสาขาชั่วคราว 39 สาขา หลังประกาศปิดห้างยับยั้งโควิด-19 ยอมรับกระทบผลงานไตรมาส 1-2 รุกขายผ่านออนไลน์ พร้อมเปิด 2 ช่องทางใหม่ ชูโปรโมชั่นพิเศษลดสูงสุด 70% หวังกระตุ้นกำลังซื้อ (ที่มา ข่าวหุ้น)
· (+) WP (Bloomberg Consensus - บาท) บอร์ด WP ไฟเขียวทุ่ม 50 ล้านบาท ลุยซื้อหุ้นคืน จำนวน 10.37 ล้านหุ้น เริ่มวันที่ 8 เม.ย.-7 ต.ค. 63 หลังราคาหุ้นลดลงต่ำกว่าพื้นฐาน เชื่อโครงการซื้อหุ้นคืนจะทำให้ราคาหุ้นสอดคล้องปัจจัยพื้นฐานและสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มขึ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)
· (+) RBF (Bloomberg Consensus - บาท) ยืนยันสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 กระทบไม่มาก ออเดอร์ธุรกิจอาหารไหลเข้า เร่งเดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตในประเทศ-ต่างประเทศ พร้อมย้ำเป้ารายได้ปี 2563 เติบโต 10-12% (ที่มา ทันหุ้น)
· (+) LOXLEY (Bloomberg Consensus - บาท) ขานรับฟื้นสลากออนไลน์ หลังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เล็งทบทวนรูปแบบการออกสลากที่เป็นการลดความเสี่ยง หากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อนานเกิน 2 เดือน ลั่นเตรียมพร้อมสานต่อนโยบายแต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกองสลาก (ที่มา ทันหุ้น)
· (+) สภาวิชาชีพบัญชี เคาะเลื่อนตั้งด้อยค่าทรัพย์สิน “บจ.” ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ ลดผลกระทบโควิด-19 THAI, AAV, BA และ AOT เข้าข่ายรวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม CENTEL, ERW และกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ก.ล.ต.ไฟเขียวบจ.เลื่อนส่งงบ Q1 ไป Q2 ได้ ด้าน “อุตตม” จับมือ “ศักดิ์สยาม” อุ้มการบินไทย มั่นใจสภาพคล่องระยะสั้นไม่มีปัญหา (ที่มา ข่าวหุ้น)