ราคาน้ำมันดิ่งหนักหลังสหรัฐพับแผนซื้อน้ำมันใส่คลังสำรอง

ราคาน้ำมันดิ่งหนักหลังสหรัฐพับแผนซื้อน้ำมันใส่คลังสำรอง

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(26มี.ค.) ดิ่งลงกว่า 7% หลังมีข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐยุติแผนซื้อน้ำมันกักเก็บในคลังสำรอง เนื่องจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณ

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 1.89 ดอลลาร์ หรือ 7.7% ปิดที่ราคา 22.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 3.69% ปิดที่ราคา 26.43 ดอลลลาร์/บาร์เรล

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐประกาศยุติแผนการซื้อน้ำมันเพื่อกักเก็บในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (เอสพีอาร์) เนื่องจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งอาจสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ โดยเมื่อวันที่ 19 มี.ค. กระทรวงพลังงานสหรัฐแถลงว่า กระทรวงฯจะเข้าซื้อน้ำมันจำนวน 30 ล้านบาร์เรลเพื่อกักเก็บในเอสพีอาร์

การดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันในระยะนี้ โดยรัฐบาลสหรัฐ มีแผนที่จะซื้อน้ำมันดังกล่าวจากผู้ผลิตขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยจะซื้อทั้งน้ำมันดิบแบบ sweet และ sour

สหรัฐ กักเก็บน้ำมันสำรองในเอสพีอาร์ที่อยู่ในรัฐเท็กซัส และหลุยเซียนา โดยเอสพีอาร์จะสามารถกักเก็บน้ำมันได้อีก 77 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งการทำสงครามราคาระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย

ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบีย ประกาศทำสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันลดกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัสเซีย ยืนยันจุดยืนเดิมที่ต้องการให้ผู้ผลิตน้ำมันปรับลดกำลังการผลิตตามโควตาเดิมในขณะนี้ต่อไปจนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2