9 ข้อรู้จัก 'บ้านสุขาวดี' ที่เที่ยวหรูติดทะเลที่โดนคำสั่งรื้อถอน! (อัพเดท - ไฟไหม้วอดทั้งหลัง)

9 ข้อรู้จัก 'บ้านสุขาวดี' ที่เที่ยวหรูติดทะเลที่โดนคำสั่งรื้อถอน! (อัพเดท - ไฟไหม้วอดทั้งหลัง)

ทำความรู้จักคฤหาสน์สุดหรู "บ้านสุขาวดี" ที่เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากมาก่อน แต่ล่าสุดทางการพบว่าสถานที่แห่งนี้บุกรุกพื้นที่สาธารณะ 11 ไร่ จนต้องรื้อถอน (อัพเดท - ไฟไหม้วอดทั้งหลัง)

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในพัทยาที่มีชื่อเสียงอย่าง "บ้านสุขาวดี" อาจจะไม่มีบริการนักท่องเที่ยวอีกต่อไป เพราะตอนนี้สถานที่แห่งนี้กลับมามีกระแสโด่งดังขึ้นอีกครั้งจากกรณีที่มีคำสังรื้อถอนบ้านสุขาวดีออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน เนื่องจากทางการตรวจสอบพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะจำนวน 11 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเจ้าหน้าที่นำหนังสือแจ้งการรื้อถอนเข้าไปติดในอาคารของ "บ้านสุขาวดี" และต้องติดตามกันต่อไปว่าภายใน 15 วันเจ้าของสถานที่จะทำการรื้อถอนเองตามคำสั่ง หรือจะเป็นในลักษณะที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าไปรื้อถอนให้ และตามต่อว่าที่เที่ยวแห่งนี้จะยังเปิดให้บริการอีกหรือไม่

Breaking news  :  ด่วน! ไฟไหม้ 'บ้านสุขาวดี' จนท.เร่งดับเพลิง

  

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ชวนคุณไปทำความรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้กันสักหน่อย

1. "บ้านสุขาวดี" ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2543

"บ้านสุขาวดี" เป็นคฤหาสน์ริมทะเลพัทยาของ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของสหฟาร์ม ผู้ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรรายใหญ่ของไทย แนวคิดการสร้างบ้านสุขาวดีเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ธุรกิจน้อยใหญ่ล้มละลาย ต่างชาติยึดธุรกิจของคนไทย แต่เจ้าของสหฟาร์มเกิดอยากสวนกระแสด้วยการสร้างคฤหาสน์อันหรูหรานี้ท่ามกลางความร่วมแรงร่วมใจของทีมงานหลายร้อยชีวิต เพื่อแสดงให้ว่าคนไทยมีความสามัคคีกลมเกลียว มีศักยภาพและศักดิ์ศรีไม่แพ้ต่างชาติ

2. โดดเด่นด้วยกลุ่มอาคารสีฟ้า

"บ้านสุขาวดี" ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทหลักกิโลเมตรที่ 129 มีเนื้อที่กว่า 80 ไร่ และมีชายหาดยาว 400 เมตร ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ประกอบด้วยกลุ่มอาคารร่วมสมัยที่เน้นสีชมพูและสีฟ้า ตกแต่งภายในบ้านในแนวยุโรปผสมเอเชีย และตกแต่งสวนภายนอกสวยงามและมีความหมายแฝงในเชิงนามธรรม

158522586637

3. สุขาวดี คือแดนแห่งความสุข

ส่วนที่มาของคำว่า "สุขาวดี" หมายถึง ดินแดนอันมีความสุขตามความเชื่อของลัทธิมหายาน ส่วนสีของตัวบ้านที่เน้นใช้สีชมพูและสีฟ้านั้นก็เพราะว่าเป็นสีที่มีความหมายดี เริ่มจากสีชมพูแห่งความรัก เนื่องจากเจ้าของผู้ก่อตั้งอยากให้สอดคล้องกับวลีที่ว่า “ที่ใดไร้รักสมัครสมานจะทำการสิ่งใดย่อมไร้ผล”ฉะนั้นที่ใดก็ตามที่มีความรัก ความสามัคคี มีความกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่นั่นก็จะมีแต่เรื่องราวที่ดีและสร้างสรรค์ นำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าบ้านสุขาวดียังใช้รูปปั้นเทพ “คิวปิด” ใช้สื่อถึงความรักอีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนสีฟ้าถือเป็นสีแห่งน้ำ ซึ่งน้ำเป็นสิ่งก่อเกิดสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลก และยังเป็นสสารที่สามารถปรับตัวได้หลากหลายสถานะ ทั้งของแข็ง ของเหลว และไอน้ำ หากคนใดสามารถปรับตัวให้ได้เหมือนน้ำ หมายถึงสามารถปรับตัวเข้ากับสังคม ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ หรือความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ก็ย่อมอยู่รอดได้

4. อาคารพระแม่กวนอิม

สำหรับจุดท่องเที่ยวภายใน "บ้านสุขาวดี" นั้นมีให้ชมมากมายหลายจุด เริ่มจาก "อาคารพระแม่กวนอิม" ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของครอบครัวโชติเทวัญ ภายในมีห้องจัดเลี้ยงรับรอง ห้องอเนกประสงค์สำหรับประชุมสัมมนา 500 คน และเป็นที่ประดิษฐานแม่กวนอิมปางประทานพรประทับมังกร ประดับด้วยอัญมณีล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้

อาคารแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2543  มีทั้งหมด  5 ชั้น คือ 1. ห้องรับรองตกแต่งอย่างสวยงาม, 2. ประดิษฐานพระบรมสาทิสลักษณ์ รัชกาลที่ 5 , 3. ที่พักอาศัยของครอบครัวโชติเทวัญ, 4. ที่พักอาศัยของครอบครัวโชติเทวัญ, 5. เป็นห้องอเนกประสงค์รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 500 คน ส่วนชั้นดาดฟ้า  เป็นที่ประดิษฐานองค์พระแม่กวนอิมปางประทานพรประทับบนมังกร และเป็นจุดชมภูมิทัศน์ที่สวยงามของเมืองพัทยา

158522586766

158522586731

5. อาคารโดมพระ

ถัดมาเป็น "อาคารโดมพระ" ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งพระพุทธรูปปางประสูติสูง 9.28 เมตร พระหัตถ์ขวาชี้ฟ้า พระหัตถ์ซ้ายชี้ดิน  เป็นการแสดงความหมายเชิงนามธรรมว่า "ในโลกนี้เมื่อมีฟ้าย่อมมีดิน พระพุทธองค์เจตนาให้ทุกคนเห็นสิ่งตรงข้ามที่อยู่ในโลกนี้ แม้ตอนนี้จะประสบความสำเร็จ แต่ไม่นานก็อาจจะตกสู่ความล้มเหลวได้ อีกทั้งยังแฝงไปด้วยปริศนาธรรมและให้สัจธรรมมากมาย

6. อาคารพุทธบารมี

อาคารแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2546 เป็นอาคารหอประชุมที่ตกแต่งอย่างอลังการ เช่น จิตรกรรมฝาผนังสวยงามสร้างสรรค์โดยกรมศิลปากร พื้นปูด้วยพรมชิ้นเดียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก อาคารหลังนี้มีห้องประชุมสัมมนาจำนวนมากสำหรับจัดกิจกรรมของสหฟาร์มและบริษัทในเครือ อาคารพุทธบารมีเคยเป็นสถานที่ต้อนรับบุคคลสำคัญและจัดงานระดับชาติมาแล้ว นอกจากนี้ภายในยัง "ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ" พร้อมตกแต่งอย่างสวยงามสมพระพุทธบารมี

158522586616

7. มีบริการห้องอาหาร

ที่นี่มีห้องอาหารขนาดใหญ่ไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยวถึง 3 ห้องด้วยกัน ได้แก่ ห้องอาหาร Open Hall ให้บริการอาหารบุพเฟ่ต์นานาชาติ สำหรับมื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 - 14.00 น. พร้อมรับชมการแสดงโชว์ทางวัฒนธรรม ไทย-จีน อันสวยงามตระการตา ถัดมาคือ ห้องอาหารลานช้างเผือก บริการอาหารทะเลสดใหม่ทุกวันจากท้องทะเล ท่ามกลางบรรยากาศสุดหรูและผ่อนคลาย ณ โต๊ะที่นั่งริมทะเล พร้อมกับอาหารนานาชาติ บุฟเฟ่ต์มากมายหลากหลายเมนู และปิดท้ายกับ ห้องอาหาร The Octagon Bar & Restaurant บริการอาหารบุพเฟ่ต์นานาชาติ โดยมีบริการทั้งอาหารกลางวัน (10.30 - 14.00 น.) และอาหารเย็น (16.30 - 20.00 น.)

8. มีบริการรถรางนำเที่ยว

"บ้านสุขาวดี" มีรถรางบริการนักท่องเที่ยวสำหรับพาทัวร์ชมบริเวณพื้นที่ภายนอก ที่เต็มไปด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับสวยงามและสระน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงพาไปยังจุดท่องเที่ยวในแต่ละอาคารด้วย อีกทั้งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สหฟาร์มในราคาพิเศษได้ที่นี่เช่นกัน ในอดีตที่การท่องเที่ยวไทยยังคึกคักกว่าปัจจุบัน ที่นี่ต้อนรับนักท่องเที่ยววันละหลายพันคน เปิดบริการทุกวันเวลา 08.30-18.00 น. แต่หลังจากมีคำสั่งรื้อถอนอาคารภายใน 15 วัน คงต้องติดตามต่อไปว่าที่นี่ยังเปิดให้เข้าชมหรือไม่

9. พิกัด

บ้านสุขาวดี ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี อยู่ติดถนนสุขุมวิทด้านฝั่งชายทะเล ใกล้กับโรงแรมชลจันทร์และที่ว่าการอำเภอบางละมุง

-----------------------------

ที่มา:

https://www.baansukhawadee.com/blank-3

https://thai.tourismthailand.org/Attraction/%E0%B8%9A%E0%B9%