เด้งสลับย่อ

เด้งสลับย่อ

กนง.คาดการณ์ GDP ไทยปีนี้จะหดตัว -5.3% จากผลกระทบ Covid-19 และกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่จะชะลอตัวลงจากพรก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดนั้นจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้ปรับตัวขึ้นแรงปิดที่ 1,080 จุด (+46.19 จุด) หรือ +4.47% ด้วย Volume ซื้อขาย 7.5 หมื่นล้านบาท ตอบรับ sentiment เชิงบวก Fed ประกาศใช้ QE แบบไม่จำกัดวงเงิน รวมถึงสภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส Covid-19 มูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มีแรงซื้อนำโดยกลุ่ม Energy, Petro, Comm และ ICT ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิ 109 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 4,847 ล้านบาท อีกทั้ง Net Short TFEX 7,746 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,065 – 1,100 จุด โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากปัจจัยภายนอกหลังทำเนียบขาวและวุฒิสภาบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัส Covid-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลล่าร์ ซึ่งมีทั้งการแจกเงินให้ประชาชน เงินสนับสนุนโรงพยาบาล และเงินช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก ประกอบกับ Fed ใช้ QE แบบไม่จำกัดวงเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเป็นบวกต่อการลงทุนโดยรวม อย่างไรก็ตาม การที่กนง.คาดการณ์ GDP ไทยปีนี้จะหดตัว -5.3% จากผลกระทบ Covid-19 ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายประเทศที่จะชะลอตัวลงจากพรก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดนั้นจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม ICT (ADVANC, INTUCH, DTAC)  ได้อานิสงส์ Work from home
  • กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC) ประชาชนเร่งกักตุนสินค้าเพื่อรองรับสถานการณ์ Covid-19
  • กลุ่มอาหาร (CPF, TU) ได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TU (ปิด 15.3 ซื้อ/เป้า 17.5) TU ส่งสัญญาณบวกได้อานิสงส์โดยตรงจาก Covid-19 ระบาด สะท้อนผ่านคำสั่งซื้อทูน่ากระป๋องจาก US และ EU ในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. เพิ่มขึ้น 50-60% ส่งผลให้ Utilization rate เพิ่มขึ้นจนใกล้เต็มกำลังการผลิตจากปกติจะทำการผลิตเพียง 60-70% เท่านั้น นอกจากนี้ TU ยังได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงิน Dollar และ Euro ทุกๆ 1 บาทที่เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ Euro จะเพิ่มกำไรให้กับ TU ประมาณ 600 ล้านบาท
  • BCPG (ปิด 12 ซื้อ/เป้า 19.8) Valuation ไม่แพงซื้อขายบน PE ต่ำเพียง 10 เท่าจ่ายปันผลสม่ำเสมอให้ Dividend yield ประมาณ 5-6% ต่อปี เทียบกับ PE เฉลี่ยของกลุ่มที่ 20-30 เท่าและ Dividend yield ประมาณ 2% นอกจากนี้ BCPG ยังมี Growth story จากจำนวน MW ที่เพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้า Nam San 3A และ 3B ในเวียดนาม, โรงไฟฟ้าพลังงานลม Swan กำลังการผลิต 270MW ในลาว และโรงไฟฟ้า solar สี่แห่ง 75MW ในญี่ปุ่น

บทวิเคราะห์วันนี้

Transaportation sector (Top pick: BTS)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์และตลาดน้ำมันยังปรับขึ้น รับข่าววุฒิสภาสหรัฐใกล้เห็นชอบมาตรการเยียวยาผลกระทบ Covid-19 มูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญฯ: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับขึ้นเป็นวันที่ 2 อีก 496 จุด (+2.39%) ปิดที่ระดับ 21,201 จุด เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นอีก 48 เซนต์ ปิดที่ระดับ 24.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดคาดหวังวุฒิสภาสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงในการอนุมัติมาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัส Covid-19 ให้กับชาวอเมริกามูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านเหรียญ ครอบคลุมการจัดสรรเงินกู้ให้กับธุรกิจ SMEs วงเงิน 3.67 แสนล้านเหรียญ, แจกเงิน (ผู้ใหญ่) 1,200 เหรียญต่อราย (เด็ก) 500 เหรียญต่อราย
  • (-) ผิดคาดแบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้เป็น -5.3% (เดิมคาดโต 2.8%): ที่ประชุม กนง.มีมติ 4:2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% นอกจากนี้แบงก์ชาติยังปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้ลงสะท้อนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid -19 ที่รุนแรงกว่าที่คาดไว้ โดยแบงก์ชาติปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เป็น -5.3% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.8% เป็นผลจากการปรับลดคาดการณ์ ตัวเลขส่งออกจาก +1.4% เป็น -16.4%, การลงทุนภาคเอกชนจาก +3.4% เป็น -4.3% และ การบริโภคของภาคเอกชนจาก +3% เป็น -1.5% แม้แบงก์ชาติจะไม่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยแต่ภาพรวม GDP ที่ชะลอตัวอย่างหนักจะเป็นลบต่อกลุ่มธนาคาร ผ่านยอดสินเชื่อที่ชะลอตัว และมีปัญหา NPLs เพิ่มขึ้น
  • (-) แบงก์ชาติออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ยังไม่เป็น NPLs เริ่มบังคับใช้ 1 เม.ย. 2020 เป็นลบต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่มไฟแนนซ์: วานนี้แบงก์ชาติออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ประกอบด้วย 1) ลูกหนี้บัตรเครดิต (KTC, AEONTS) อนุญาติให้ลดเงินจ่ายขั้นต่ำต่อเดือนจาก 10% เป็น 5%, 2) สินเชื่อส่วนบุคคลและจำนำทะเบียนรถ (AEONTS, MTC, SAWAD) ให้เลื่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน หรือ ลดค่างวด 30% เป็นเวลา 6 เดือน, 3) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (TCAP, TISCO, KKP) เลื่อนชำระเงินต้น และดอกเบี้ย หรือ พักหนี้เงินต้น 6 เดือน และ 4) สินเชื่อบ้าน วงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท, สินเชื่อ SMEs, ไมโครไฟแนนซ์ และ นาโนไฟแนนซ์ วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ให้พักเงินต้นและลดดอกเบี้ย 3 เดือน เบื้องต้นเราคาดว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเลือกแนวทางลดค่างวด 30% หรือ พักชำระหนี้เงินต้น เพื่อรักษารายได้ดอกเบี้ยไว้ตามเดิมไม่กระทบกำไรใน P&L อย่างไรก็ตามการเลือกแนวทางนี้อาจจะกระทบกับผู้ประกอบการรายเล็กซึ่งอาจจะมีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องจาก Cash flow ที่หายไป