ธุรกิจไทยต้องปรับตัว โควิด-19 รุนแรงเกินคาด

ธุรกิจไทยต้องปรับตัว โควิด-19 รุนแรงเกินคาด

สถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงและต่อเนื่องไม่หยุด กระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก ล่าสุด ธปท.ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยลงมากเป็นติดลบ 5.3% วันนี้ถึงเวลาที่ภาคธุรกิจต้องตระหนักมากขึ้น แผนระยะยาวอาจต้องปรับ และจำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวแบบวันต่อวัน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ออกโรงเตือนว่าการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นตัวหลัง และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในครั้งนี้ มีความรุนแรงมากกว่าช่วงวิกฤตการเงินโลกเมื่อ 12 ปีก่อน ความหวังที่ว่าการฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

โออีซีดีสรุปรวบยอด การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปี 2563 จะเติบโตเพียง 1.5% เป็นระดับตัวเลขที่มองในแง่ดีเกินไป แม้สถาบันด้านเศรษฐกิจต่างประเทศ หลายสำนักได้ปรับมุมมอง ทยอยลดจีดีพีโลกมาตลอดนับแต่เริ่มแพร่ระบาดเมื่อต้นปี แต่ความรุนแรงของโรคโควิด-19 ยังไม่หยุดลงง่ายๆ สถานการณ์วันนี้แม้ในประเทศจีนจะคุมได้แล้ว แต่นอกประเทศจีนยังคุมไม่อยู่ ที่สำคัญสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยในรอบวันล่าสุดในสหรัฐ อาจทำให้พญาอินทรีเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดใหม่

ปัจจุบันตัวเลขคนติดเชื้อทั่วโลกวันนี้มากกว่า 4 แสนคน ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย เป็นที่มาให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดคาดการณ์จีดีพีประเทศไทยจากบวก 2.8% เป็นติดลบ 5.3% ธปท.ให้เหตุผลว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดไว้ก่อนหน้า ประกอบกับเศรษฐกิจไทยขณะนี้ได้รับผลกระทบรุนแรงสุดที่ภาคท่องเที่ยว โดยที่ผ่านด่านจากหลักแสนเหลือหลักพันคน หรือหายไปกว่า 90% อัตราเข้าพักล่วงหน้า 3 เดือน แทบไม่เหลือ มีความไม่แน่นอนสูงมาก ที่สำคัญไม่มีใครรู้ว่าการแพร่เชื้อจะยาวนานขนาดไหน ธปท.จึงปรับประมาณการโดยอิงจากการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกถดถอย และการแพร่ระบาดโควิดในไทยจะควบคุมได้ภายในไตรมาส 2

เราเห็นว่าความเห็นของ ธปท.แม้จะสอดคล้องกับความเห็นของสำนักวิจัยเอกชนที่ปรับลดประมาณการไปก่อนหน้า แต่ดูเหมือนว่าตัวเลขรอบนี้จะปรับลดค่อนข้างมากจนน่าตกใจ แต่ก็สามารถสะท้อนอนาคตเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี เราเห็นว่าภาคธุรกิจต้องตระหนักกับมหันตภัยโรคโควิด-19 เนื่องจากภาวะที่เปลี่ยนแบบฉับพลัน แผนธุรกิจต่างๆ จึงไม่สามารถวางระยะยาว จำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวแบบวันต่อวัน แม้วันนี้ตลาดทุนจะเริ่มคลี่คลายในทางที่ดี มีการเข้าซื้อลงทุนจนตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาบวก ทว่าความไม่แน่นอนยังคงปกคลุมทุกประเทศทั่วโลก

วันนี้การแพร่ระบาดกินพื้นที่ไปแล้ว 194 ประเทศและดินแดน ขณะที่สมาชิกสหประชาชาติมี 193 ประเทศ จากทั่วโลกที่มีกว่า 200 ประเทศและดินแดน อย่างไรก็ตามยังมีข่าวดี เป็นข้อมูลให้เอกชนไปวางแผนรับมือได้ถูกต้อง ธปท.ชี้ประเด็นความรุนแรงของปัญหาโรคโควิด-19 หากเทียบวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 จะไม่ซับซ้อนเท่า เนื่องจากเกิดจากปัจจัยภายนอก ขณะที่ปี 2540 มาจากปัญหากลไกเศรษฐกิจและภาคธุรกิจที่ไม่สมดุลซึ่งแก้ยากกว่าและฟื้นตัวได้ช้ากว่ามาก การแก้ปัญหาหากจะเทียบกับรักษาโรคโควิด-19 เปรียบเทียบก็คืออย่าประมาทและให้รักษา ตามอาการ