จับตาการประชุมกนง.วันนี้

จับตาการประชุมกนง.วันนี้

ดัชนีวานนี้ปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท หลังเฟดประกาศใช้ QE ไม่จำกัดวงเงินและเวลา รวมทั้ง ความคาดหวังว่า สหรัฐจะบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากสภาคองเกรง

อย่างไรก็ดี ตลาดภายในประเทศบวกอ่อนแอกว่าตลาดภูมิภาค หลังจากรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,033.84 จุด (+9.38 จุด) Volume 6.4 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,943.26 ลบ. TFEX Net +9,274 สัญญา ตราสารหนี้ -3,849 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกแรง 2,112.98 จุด +11.37% ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 65 เซนต์ +2.8% ปิดที่ 24.01 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความคาดหวังว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงในการใช้มาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

+ตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดบวกขานรับนลท. คาดหวังสภาคองเกรสสหรัฐบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยา

+สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ลดลงในเดือนก.พ. แต่ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์

+ครม.อนุมัติแพ็คเกจมาตรการลดผลกระทบโควิด-19 เพิ่มสภาพคล่อง-ลดภาระภาษีเงินได้ นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ช่วยผู้ประกอบการ

+จีนเตรียมยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่อู่ฮั่น 8 เม.ย.นี้

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตพุ่ง 62.27 จุด หรือ 2.34% ปิดที่ 2,722.44 จุด

ดัชนีนิกเกอิปิดพุ่ง 1,204.57 จุด +7.13% แตะ 18,092.35 จุด

- "มาร์กิต"เผยดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐหดตัวเดือนที่ 2 เซ่นพิษโควิด-19

-ราคาทองคำปรับตัวกลับขึ้นมาแรงจากที่เฟดประกาศมาซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยไม่จำกัดวงเงิน

-นายกฯ ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีผล 26 มี.ค.-26 เม.ย.63 คุมสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.10 แสนลบ. ค่าเงินบาท 32.76 บาท/US

*จับตาการประชุมกนง. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม

สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากความคาดหวังว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการใช้มาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยมีวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศรัฐบาลไทยได้ออกมาตรการเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,030 -1,070 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

รายงานพิเศษหุ้นกลุ่มอาหารที่ได้ประโยชน์ :  TU  TFMAMA  CPF  GFPT  MALEE  RBF  XO

5 หมื่นรง.อาหาร'ส้มหล่น' ดันออร์เดอร์ ใน-นอกพุ่ง (ที่มา ฐานเศรษฐกิจ)

ผู้ผลิตอาหารได้รับอานิสงส์จากความต้องการทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยตลาดในประเทศ ขณะนี้สินค้าอาหารเกือบทุกชนิดกำลังเป็นที่ต้องการของประชาชนเพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำดื่ม สินค้าอาหารสำเร็จรูปต่างๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรูป อาหารกระป๋อง เช่น ปลากระป๋อง ผักผลไม้กระป๋อง อาหารพร้อมรับประทานต่างๆ ขนมขบเคี้ยวต่างๆ อาหารแช่แช็ง เครื่องปรุงรสต่างๆ ยังรวมไปถึงอาหารสดจำพวกเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ที่ประชาชนมีการกักตุนไว้เพื่อเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารยังเป็นที่ต้องการของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

สินค้าส่งออกที่ได้รับอานิสงส์ ได้แก่ อาหารทะเลแปรรูปทั้งแช่เย็น แช่แข็ง ผลไม้ กระป๋อง และสับปะรดกระป๋อง จากเป็นสินค้าที่ประเทศคู่ค้ายังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่สร้างชื่อเสียงและความเชื่อมั่นให้ตลาดอาหารในเวทีโลกได้รู้จักอาหารแปรรูปของไทย ณ ปัจจุบันมีคู่ค้าถึง 194 ประเทศในทุกทวีปทั่วโลก

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive (RATCH TTW ADVANC CHG)
  • หุ้น High Dividend Yield (KKP TISCO INTUCH)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Lockdown (MAKRO BJC CPALL TU TFMAMA)
  • หุ้นได้ประโยชน์จากการส่งเสริมการทำงานที่บ้าน (ADVANC INTUCH DTAC TRUE JAS JASIF DIF COM7 SIS SYNEX)

หุ้นมีข่าว   

·         (-) กลุ่มลีสซิ่งร่วงหนัก สารพัดปัญหา ล่าสุดโดนแบงก์รัฐแย่งลูกค้ากดดอกเบี้ยต่ำเหลือ 0.1% วงเงินกว่า 4 หมื่นล้านให้รายย่อยกู้แก้ปัญหาผลกระทบโควิด ขณะที่หนี้เสียยังพุ่ง สภาพคล่องหดหาย รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยบีบลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล จาก 28% เหลือ 23% กดรายได้ลดฮวบ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (-) AWC (Bloomberg Consensus - บาท) เดินหน้ามาตรการลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ประกาศปิดบริการโรงแรมในเครือ 5 แห่งในกรุงเทพฯ เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 26 มี.ค.–15 เม.ย. 63 เพื่อลดการเดินทางของพนักงานจำนวนหลายพันคน รวมถึงลดการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมากในโครงการ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+) SPCG (Bloomberg Consensus 17.60 บาท) บอร์ด SPCG ไฟเขียวทุ่มเงินไม่เกิน 250 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืน 14.02 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 7 เม.ย.-30 ก.ย. 63 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น จากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ดัน ROE-EPS เพิ่ม (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+) TACC (ราคาเหมาะสม 6.45 บาท) บอร์ด TACC ประกาศซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 18 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท เริ่มวันที่ 8 เม.ย.-7 ต.ค. 63 ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนฝ่าวิกฤติโควิด-19 รวมถึงบริหารสภาพคล่องให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยดันผลตอบแทน ROE-EPS เพิ่ม ยันไม่ได้รับผลกระทบกทม.สั่งปิด 26 สถานที่เสี่ยง ส่วนผลงานไตรมาส 1/63 คาดยังโตต่อเนื่อง (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         (+/-) GLOBAL (Bloomberg Consensus 15.57 บาท) ปรับกลยุทธ์เดินหน้าขยายตลาดออนไลน์มากขึ้น ดันยอดขายผ่านออนไลน์โต 10% ต่อปี เล็งออกแคมเปญการกระตุ้น มั่นใจรักษามาร์จิ้นไม่ต่ำกว่า 20.45% เน้นขายสินค้า House Brand รับยอดขายสาขาเดิม SSSG มีโอกาสติดลบ รับผลกระทบไวรัสโควิด-19  (ที่มา ทันหุ้น)

·         (+) SKE (Bloomberg Consensus - บาท)  อัพรายได้ปีนี้โต 50% ลุยอัพฐาน CBG เก็บเกี่ยวชีวมวลเต็มปี "นภาพร สาธิตธรรมพร" แย้มโค้งแรกฟอร์มแจ๋วอานิสงส์ธุรกิจไฟฟ้าหนุน พร้อมทุ่มงบ 315 ล้านบาท ขยายฐานผลิตโซลาร์รูฟท็อปเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

·         (+) SSP (Bloomberg Consensus 9.79 บาท)   บอร์ด SSP ประกาศเลื่อนแผนคลอดวอร์แรนต์ SSP-W1 ที่ราคาแสดงสิทธิ 10 บาท หลังสถานการณ์ตลาดไม่เอื้อ ผลพวงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 บิ๊กบอสยืนยันไม่กระทบต่อแผนพัฒนาโครงการ เหตุมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งพร้อมเดินหน้าลุยวินด์ฟาร์ม-โซลาร์ฟาร์มเวียดนามตามแผน (ที่มา ทันหุ้น)