4แบงก์เอเชีย หั่นดอกเบี้ย สู้ศึก 'โควิด-19' ระบาดหนัก

4แบงก์เอเชีย หั่นดอกเบี้ย สู้ศึก 'โควิด-19' ระบาดหนัก

เอาใจช่วยการหามาตรการรับมือการแพร่ระบาดของ "ไวรัสโคโรน่า" ต้นตอโรค "โควิด-19" ของ 4 ประเทศอันได้แก่ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน

เอาใจช่วยการหามาตรการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ของ4ประเทศอันได้แก่อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน โดยหนึ่งในหลายๆ มาตรการคือการลดดอกเบี้ย ด้วยความหวังว่าจะบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19ได้  ไปดูกันแบบละเอียดๆว่าทั้ง4ประเทศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างไรบ้าง

เริ่มจาก "ธนาคารกลางอินโดนีเซีย" ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยปรับลดลง 0.25% สู่ระดับ 4.75% ซึ่งธนาคารกลางอินโดนีเซีย ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีที่แล้วคือในเดือนก.ค., ส.ค., ก.ย. และต.ค.

นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียยังปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ลงสู่ระดับ 5.0-5.4% ในปีนี้ ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.1-5.5% ขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนของอินโดนีเซีย

“เพอร์รี วาจิโญ” ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย กล่าวว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เป็นผลมาจากอุตสาหกรรมการค้าและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียอยู่ภาวะซบเซา หลังจากโรงงานในประเทศจีนยุติการดำเนินงานเป็นการชั่วคราว จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เขาก็ยืนยันว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียจะจับตาดูพัฒนาการทางเศรษฐกิจทั้งในระดับโลกและในประเทศอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้ประโยชน์จากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป

158478013186

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้อุปทานในประเทศจีนหยุดชะงักลง และส่งผลให้ต้นทุนราคาอาหารในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จากการที่ค่าเงินรูเปียะห์มีเสถียรภาพสูง จึงช่วยให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียสามารถใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน หลังจากค่าเงินรูเปียะห์แข็งค่าขึ้น 0.7% ในช่วงต้นเดือนมี.ค.

ส่วน "ออสเตรเลีย" ใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งประวัติศาสตร์ พร้อมประกาศว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อให้ต้นทุนต่ำและสินเชื่อไม่ตึงตัวในช่วงที่โรคโควิด-19ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ธนาคารกลางออสเตรเลีย ลดดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนระหว่างธนาคาร (cash rate) ลงแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% และจะไม่เข้มงวดด้านนโยบายจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเรื่องการจ้างงานและเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน ก็กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะ 3 ปีไว้ที่ 0.25%

“ฟิลิป โลว์” ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย กล่าวว่า ได้พิจารณาทุกความเป็นไปได้ เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติอย่างมาก ธนาคารกลางพร้อมทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อให้ต้นทุนต่ำ ธุรกิจและครัวเรือนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนระหว่างธนาคารจะทรงตัวที่ 0.25% ประมาณ 3 ปี และออสเตรเลียจะต้องเสริมความแข็งแกร่งเพื่อเตรียมรับมือกับอัตราว่างงานที่จะสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือน

เศรษฐกิจออสเตรเลียซึ่งมีมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ขยายตัวต่อเนื่องมาเกือบ 30 ปี อานิสงส์จากตลาดจีนที่มีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และตลาดบ้านในออสเตรเลียขยายตัวร้อนแรง นอกจากนี้ออสเตรเลีย ยังรอดพ้นจากวิกฤตการเงินโลกปี 2551-2552 แต่ไม่สามารถรอดจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดในขณะนี้ได้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ธนาคารใหญ่หลายแห่งคาดว่า ออสเตรเลียจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ส่วน "ฟิลิปปินส์" ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 3.75% ต่อปี และเมื่อวันที่ 16 มี.ค. กระทรวงการคลังของฟิลิปปินส์ ได้ประกาศแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 2.71 หมื่นล้านเปโซฟิลิปปินส์ ที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับการเยียวยาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19

158478011543

วานนี้ (20มี.ค.)รัฐบาลฟิลิปปินส์ ระงับการออกวีซ่าและตรวจลงตราหน้าด่านให้พลเมืองทุกสัญชาติรวมถึงคนอาเซียนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19

“ทีโอโดโร ล็อกซิน จูเนียร์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ ระบุว่า ว่านับตั้งวันที่ 22 มี.ค. เป็นต้นไปตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลฟิลิปปินส์ทั่วโลก จะระงับการออกวีซ่าให้กับพลเมืองต่างชาติ และระงับการยกเว้นการตรวจลงตราให้กับพลเมืองทุกสัญชาติ รวมถึงพลเมืองจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19เข้าสู่ฟิลิปปินส์เพิ่มอีก โดยให้มีผลบังคับใช้ในเบื้องต้นอย่างน้อย 1 เดือน นอกจากนี้ วีซ่าและการตรวจลงตราที่อนุมัติไปแล้วก่อนหน้านั้นอาจถูกยกเลิก แต่ยังไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม และล็อกซิน จูเนียร์ ก็ไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสถานะวีซ่าของพลเมืองต่างชาติซึ่งเพิ่งเดินทางเข้ามาในฟิลิปปินส์

ปัจจุบัน  ฟิลิปปินส์มีผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 อย่างน้อย 217 คน โดยยืนยันผู้ป่วยคนแรกเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่มีผู้ได้รับการรักษาหายอย่างน้อย 8 คน และเสียชีวิตแล้ว 17 คน หนึ่งในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีน เสียชีวิตเมื่อต้นเดือนที่แล้ว และเป็นผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 นอกแผ่นดินใหญ่คนแรก

ด้าน "ไต้หวัน" ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.125% เพื่อลดผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของไต้หวันรายงานว่า ไต้หวันพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 5 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในไต้หวัน เพิ่มเป็น 39 ราย

ในจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 5 รายดังกล่าวนั้น เป็นพยาบาล 3 รายและพนักงานทำความสะอาด 1 รายที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และผู้ติดเชื้ออีกรายนั้นเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากตะวันออกกลาง

นอกจากนี้  ทางการไต้หวันยังยกระดับการตอบสนองต่อการรับมือสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เป็นระดับสูงสุด ตั้งแต่เดือนที่แล้ว พร้อมทุ่มงบประมาณกว่า 6 หมื่นล้านบาท ในการบรรเทาผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ ที่รวมถึงการปล่อยกู้ให้แก่ภาคธุรกิจรายย่อย การให้การอุดหนุนบริษัทท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ หรือแม้แต่การแจกบัตรกำนัลสำหรับนำไปใช้ในการใช้จ่ายซื้ออาหารในตลาดกลางคืนที่มีชื่อเสียงของไต้หวัน