รฟท.เร่งส่งมอบพื้นที่ไฮสปีด ตั้งเป้าแปลงแรก ม.ค.64

รฟท.เร่งส่งมอบพื้นที่ไฮสปีด  ตั้งเป้าแปลงแรก ม.ค.64

โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ได้มีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กับบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด ที่มีกลุ่มซีพีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

วรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างออกหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานเจ้าของระบบสาธารณูปโภค ซึ่งมีรวมประมาณ 10 หน่วยงาน เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เพื่อให้ทุกหน่วยงานเริ่มดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูปโภค และจัดเตรียมพื้นที่ส่งมอบให้กลุ่มซีพี โดย ร.ฟ.ท.มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ให้กลุ่มซีพีนำไปก่อสร้างเป็นส่วนแรกในเดือน ม.ค.2564 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.ได้เคลียร์ปัญหาที่เกี่ยวข้องต่อการส่งมอบพื้นที่แล้วเสร็จ ซึ่งประกอบไปด้วยการเวนคืนที่ดิน ซึ่งขณะนี้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่บางส่วนในท้องที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา อ.เมืองชลบุรี อ.ศรีราชา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และอ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน พ.ศ.2562

ส่วนปัญหาการบุกรุก เบื้องต้น ร.ฟ.ท.ได้ลงสำรวจพื้นที่และจัดเก็บข้อมูลทะเบียนในการขอคืนพื้นที่แล้ว เหลือเจรจากับประชาชนให้ดำเนินการย้ายออก และส่วนสุดท้าย คือ การรื้อย้ายระบบสารณูปโภค ปัจจุบันก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ ภายหลังคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้อนุมัติงบประมาณรื้อย้าย เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเจรจากับหน่วยงานเจ้าของระบบสาธรณูปโภค เพื่อทำการรื้อย้ายเรียบร้อย

“การเตรียมพื้นที่มีส่วนประกอบอยู่ 3 อย่าง คือ เรื่องสาธารณูปโภค ปัญหาบุกรุก และเวนคืนที่ดิน ซึ่งทั้งหมดนี้เราแก้ไขได้แล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการ ดังนั้นประเมินการทำงานตอนนี้ ถือว่าเป็นไปตามกรอบกำหนดที่ตั้งไว้”

ทั้งนี้ ที่ดินแปลงแรกที่ ร.ฟ.ท.เตรียมส่งมอบส่วนแรก คือ ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาการบุกรุกและปัญหาสาธารณูปโภคน้อยที่สุด ซึ่งกรอบกำหนดส่งมอบในเดือน ม.ค.2564 ถือว่าเป็นไปตามแผนงาน ส่วนพื้นที่ส่งมอบระยะต่อไป คือ ช่วงพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบแล้วเสร็จตามเป้าหมายภายใน 2 ปีนับจากวันลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2562

สำหรับงบประมาณรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคที่ ร.ฟ.ท.ขออนุมัติกว่า 4,000 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างทดแทนสาธารณูปโภคที่ได้รับผลกระทบจากการรื้อย้ายดำเนินโครงการนี้ เช่น ระบบไฟฟ้า ประปา และท่อระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงสายไฟแรงสูงของค่ายลูกเสือใน จ.ชลบุรี ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณรื้อย้ายราว 3 ล้านบาท

158471729974

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ภายหลัง กพอ.อนุมัติงบประมาณรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค โดยหน่วยงานเจ้าของระบบสาธารณูปโภคได้เริ่มจัดซื้อจัดจ้างเอกชนเข้ามาทำการรื้อย้ายและเตรียมพื้นที่แล้ว โดยงานในส่วนนี้ไม่ถือเป็นเรื่องหนักใจของการเตรียมส่งมอบพื้นที่ แต่ปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อการเตรียมส่งมอบพื้นที่ คือ ปัญหาบุกรุก เพราะหาก ร.ฟ.ท.ไม่สามารถเจรจากับประชาชนได้ ก็จำเป็นต้องใช้เงื่อนไขทางกฎหมาย และจะส่งผลให้เป้าหมายส่งมอบพื้นที่ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา อาจล่าช้ากว่าเดือน ม.ค.2564 ที่ตั้งเป้าไว้

ทั้งนี้ การส่งมอบพื้นที่มีอีกหลายเงื่อนไข ไม่ใช่เพียงการเตรียมความพร้อมเคลียร์ระบบสาธารณูปโภค แต่จะรวมไปถึงการเวนคืนที่ดิน การแก้ไขปัญหาผู้บุกรุก เพราะกลุ่มซีพีต้องการที่ดินที่สามารถนำไปพัฒนาโครงการได้ ดังนั้นพื้นที่ที่จะส่งมอบก็จำเป็นต้องเป็นที่ดินแปลงใหญ่ โดยที่ผ่านมากลุ่มซีพีได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความพร้อมพื้นที่แต่ละจุดแล้วทั้งส่วนที่ส่งมอบได้ทันที คือ พญาไท-สุวรรณภูมิ แต่ส่วนนี้กลุ่มซีพีจะต้องชำค่าสิทธิบริหารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ก่อนจึงจะมีการส่งมอบพื้นที่ให้

นอกจากนี้ ตามกรอบกำหนดแผนส่งมอบพื้นที่ที่ ร.ฟ.ท.บรรจุไว้ในแนบท้ายสัญญา ระบุว่า ร.ฟ.ท.จะทยอยส่งมอบพื้นที่ออกเป็นส่วน คือ 1.พื้นที่ที่มีความพร้อมส่งมอบได้ทันที ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา คาดว่าจะใช้เวลาส่งมอบแล้วเสร็จภายในประมาณ 1 ปีกว่า 

2.ช่วงโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ มีความพร้อมส่งมอบแล้วเช่นกัน แต่มีเงื่อนไขเอกชนจะต้องจ่ายค่าโอนสิทธิบริหารประมาณ 1 หมื่นล้านบาทให้แล้วเสร็จ ซึ่งมีกรอบกำหนดอีกว่าจะต้องจ่ายให้ครบทั้งหมดภายใน 2 ปีนับจากวันลงนามสัญญา

3.พื้นที่ที่ยังไม่พร้อมส่งมอบ เนื่องจากยังมีระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญที่ต้องใช้เวลาเคลื่อนย้าย เช่น ท่อน้ำมัน อีกทั้งยังมีปัญหาผู้บุกรุก คือ ช่วงพญาไท-ดอนเมือง คาดว่าจะใช้เวลาทยอยส่งมอบให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี นับจากวันลงนามสัญญา อย่างไรก็ดี ภายหลังลงนามสัญญา ร.ฟ.ท.และกลุ่มซีพี จะสามารถเข้าพื้นที่เพื่อเคลียร์ปัญหา และเตรียมความพร้อมของพื้นที่ก่อสร้างได้ทันที ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 หน่วยงานได้เข้าพื้นที่เพื่อสำรวจที่ดินแล้ว 

ส่วนระบบสาธารณูปโภคที่ถือเป็นปัญหาใหญ่ของพื้นที่ช่วงพญาไท ในส่วนของท่อน้ำมัน บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ปัจจุบันได้ข้อสรุปแล้วว่าจะมีการรื้อย้ายท่อน้ำมันดังกล่าว จากฝั่งตะวันตกไปตะวันออก โดย FPT จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อย้ายเอง 

อีกทั้ง FPT จะต้องจัดทำผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เพิ่มเติมด้วย เนื่องจากก่อนหน้านี้การติดตั้งท่อน้ำมันมีมานานก่อนกฎหมายกำหนดให้ทำอีไอเอ ดังนั้นเมื่อมีการรื้อย้ายใหม่ ตามกฎหมายจึงต้องจัดทำอีไอเอ ซึ่งจะจัดทำเพียงส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น