อสังหาฯ รายกลางฝ่าโควิด เบรกแผนลงทุน-ซื้อที่ดิน

อสังหาฯ รายกลางฝ่าโควิด เบรกแผนลงทุน-ซื้อที่ดิน

อสังหาฯ รายกลาง เมโทรโพลิสฯ หวั่นเศรษฐกิจฟุบราคาอสังหาฯตกช่วง 1-2 ปี เลื่อนเปิดโครงการ ยกเลิกดีลซื้อที่ดินกลางเมือง 3-4 แปลง เตรียมให้พนักงานทำงานที่บ้าน แจกเงินคนละ 5พันบาทซื้ออาหาร ด้านเอ็น.ซี.เฮ้าส์ ซิ่ง จี้รัฐฟื้นความเชื่อมั่น

นายเฉลิมชัย  ว่องไววิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด บริษัทในเครือว่องไววิทย์อุตสาหกรรมจักรกลจำกัดเปิดเผยถึงสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่าเป็นช่วงที่ยากลำบากเนื่องจากโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจชะงักชั่วคราวโดยเฉพาะตลาดอสังหาฯต่างชาติจีนและญี่ปุ่นที่กำลังจะมีกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ได้เลื่อนโอนบางส่วนเช่นเดียวกับลูกค้าในไทยที่เลื่อนโอนส่วนหนึ่งถูกธนาคารปฏิเสธสินเชื่อประมาณ30-40% ของผู้ที่ขอสินเชื่อจากธนาคารในช่วงนี้

โดยโครงการในปัจจุบันของบริษัทคือโครงการคอนโดมิเนียมเดอะเมโทรโพลิสสำโรงอินเตอร์เชนจ์มี 3 อาคารสูง 30 ชั้นและ 39 ชั้นและอาคารจอดรถ 7 ชั้นรวมทั้งสิ้น 1,721 ยูนิตมูลค่าโครงการราว 5,700 ล้านบาทเปิดขายตั้งแต่เม.. 2558 มีการขายและโอนไปแล้ว 1,200 ยูนิตซึ่งยอดโอนเกิน 60% จึงถือว่าคุ้มทุนไปแล้วและไม่จำเป็นต้องปิดโครงการภายในปีนี้

อกจากนี้ยังยกเลิกแผนการพัฒนาธุรกิจในปี 2563 เพื่อรักษากระแสเงินสดทั้งปรับแผนการลงทุนประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาทให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้วยการชะลอแผนการซื้อที่ดินใจกลางเมือง 3-4 แปลงเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรีออกไปก่อนรวมไปถึงโครงการขนาดใหญ่ที่มีที่ดิน 15 ไร่ติดรถไฟฟ้าสถานีปากน้ำมูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาทเนื่องมาจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มยังไม่เอื้อต่อการพัฒนาโครงการตลอดจนโครงการร่วมทุนที่คลองตันมูลค่า 1,700 ล้านบาทและโครงการที่ทองหล่อมูลค่า 1,700 ล้านบาทชะลอออกไปก่อนเช่นกัน

ไม่มั่นใจในสถานการณ์ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นเพราะโรคระบาดเป็นกันทั่วโลกและเริ่มรุนแรงขึ้น  การขึ้นโครงการในช่วงนี้จึงเป็นความเสี่ยงเก็บเงินสดไว้ดีที่สุดอีกทั้งบริษัทไม่ได้จดทะเบียนในตลาดจึงไม่มีแรงกดดันต้องเติบโตทุกปีเขากล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังบริหารความเสี่ยงภายในองค์กรโดยการให้พนักงานในบริษัทที่มีกว่า 50 คนหยุดทำงานเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสอนุญาตให้ทำงานที่บ้านได้โดยจ่ายเงินเดือนเช่นเดิมรวมไปถึงการให้เงินพนักงานคนละ 5,000 บาทเพื่อไปซื้ออาหารและของใช้มาเก็บไว้ในบ้านในระหว่างที่อยู่ในบ้าน

น่าห่วงนักพัฒนาอสังหาฯที่สายป่านไม่ยาวและต้องรอเบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารเป็นงวดๆเพื่อก่อสร้างโครงการซึ่งต้นทุนทางการเงินยังสูงกว่ารายใหญ่อาจจะทำให้แบกภาระไม่ไหวหากธนาคารระงับการปล่อยกู้

ด้านนายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งจำกัด (มหาชน) กล่าวว่าสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้นักพัฒนาอสังหาฯที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจโดยขอสินเชื่อจากธนาคารในอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมโดยเฉพาะผู้ที่กำลังก่อสร้างและจะต้องเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อไปพัฒนาโครงการให้สร้างเสร็จตามกำหนด

โดยเงื่อนไขการเบิกจ่ายจะต้องมีหลักฐานยอดขายและรายได้ที่แน่นอนจากการพัฒนาโครงการแต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้จึงมีความเสี่ยงสูงสำหรับรายเล็กที่สายป่านไม่ยาวจะไม่สามารถผลักดันยอดขายได้ตามเงื่อนไขทำให้ธนาคารอาจจะระงับการปล่อยกู้จึงถือเป็นความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาโครงการอาจจะหยุดพัฒนาโครงการ

ในภาวะเช่นนี้แม้ธนาคารจะมีวงเงินการก่อสร้างเพื่อพัฒนาโครงการแต่ภาคธุรกิจจะต้องประคับประคองสภาพคล่องให้ขายได้แต่ประเด็นก็คือหากไม่สามารถระบายสต็อกและมียอดขายสินค้าจำกัดมีโอกาสทำให้ธุรกิจสะดุดได้ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องประเมินตลาดให้แม่น

สำหรับโครงการของเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งคงเหลือการพัฒนาคอนโดน้อยมากส่วนใหญ่เปิดมา 2-3 ปีแล้วและกำลังจะปิดโครงการจึงเหลือการขายเพียงเล็กน้อยเช่นที่พัทยาโครงการทั้งหมดมี 800 ยูนิตซึ่งขายเกือบหมดไปแล้วเหลือเพียง 50 ยูนิตและโครงการที่เชียงใหม่จำนวน 70-80 ห้องก็ขายเกือบหมดปีนี้ไม่มีการเปิดตัวคอนโดจึงลดความเสี่ยงในการแบกหนี้

เขาแนะนำว่าสิ่งสำคัญต่อธุรกิจอสังหาฯปัจจุบันไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจแต่เป็นการดำเนินการมีมาตรการควบคุมโรคติดต่ออย่างชัดเจนและควบคุมให้ได้พร้อมกับสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ

หากภาครัฐเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นการควบคุมการระบาดของโรคได้โดยมีมาตรการรองรับชัดเจนจะส่งผลทำให้สถานการณ์กลับมาปกติในไตรมาส3 ที่ทำให้ทุกอย่างกลับมา"