กพช.นัด19 มี.ค.นี้คาดถก ลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น

กพช.นัด19 มี.ค.นี้คาดถก  ลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น

คปพ. หวังรัฐยึดมติคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ดันลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลง 50 สตางค์ต่อลิตร ชง กบง.เร็วๆนี้ ก่อนเสนอ กพช.19 มี.ค.นี้ เห็นชอบปรับราคาสะท้อนขายปลีก

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) เปิดเผยว่า คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม(ชุดใหญ่) ที่มี

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เตรียมจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ในเร็วๆนี้ พิจารณาข้อเสนอของที่ประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม(กลุ่มย่อย) ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ในประเด็นเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ที่ได้ข้อยุติในเบื้องต้น ให้ปรับลดค่าพรีเมียมโรงกลั่น (ค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าสูญเสียน้ำมันระหว่างทาง ค่าปรับคุณภาพน้ำมัน) ที่เป็นต้นทุนส่วนหนึ่งของราคาหน้าโรงกลั่นลดลงได้ 50 สตางค์ต่อลิตร ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป

“การปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นธรรม จะเริ่มจากราคาหน้าโรงกลั่นก่อน เราอยู่บนฐานที่เป็นจริง ไม่อยากให้ใครขาดทุนจนต้องปิดกิจการ และก็ไม่อยากให้ประชาชนถูกเอาเปรียบเกินพอดี”

ทั้งนี้ แม้ว่าข้อเสนอให้ปรับลดราคาหน้าโรงกลั่นฯในเบื้องต้น ทางกลุ่มโรงกลั่นฯจะยังไม่เห็นด้วย แต่ก็สามารถยื่นเรื่องคัดค้านต่อที่ประชุม กบง.ได้ และหากกบง.เห็นว่า ข้อมูลไม่ครบถ้วนก็สามารถเรียกข้อมูลมาพิจารณาเพิ่มเติมได้

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอให้ปรับลดราคาหน้าโรงกลั่นฯ 50 สตางค์ต่อลิตรนั้น ทางที่ประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม(กลุ่มย่อย) ได้พิจารณาบนฐานข้อมูลที่ได้รับจากทุกฝ่ายแล้ว รวมถึงข้อมูลจากโรงกลั่นฯด้วย แต่ก็มีข้อมูลบางส่วนที่ทางโรงกลั่นฯระบุว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นความลับทางการค้า ดังนั้น หากจะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทางโรงกลั่นฯเอง แม้จะไม่เปิดเผยข้อมูลต่อประชาชน ก็ควรเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงให้กับภาครัฐ และให้รัฐเป็นผู้ยืนยัน หรือ รับรองข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาชน ไม่เช่นนั้นภาคประชาชน ก็อาจจะเปรียบเทียบข้อมูลราคาหน้าโรงกลั่นฯ อ้างอิงกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ การส่งออกน้ำมันได้

นายปานเทพ มองว่า ส่วนที่โรงกลั่นฯ ระบุว่า สเปกน้ำมันของไทยสูงกว่าประเทศอื่นทำให้ต้นทุนราคาหน้าโรงกลั่นฯของไทยยังแพงนั้น ก็ต้องตั้งคำถามว่า สเปกน้ำมันของไทยสูงเกินมาตรฐานไปหรือไม่ ถ้าสูงไปก็ต้องเปรียบเทียบเป็นรายชนิด และหากจะปรับเปลี่ยนรายละเอียดในสเปกก็เป็นเรื่องที่ดำเนินการได้ ซึ่งก็อยู่ที่การพิจารณาของภาครัฐ แต่จากข้อมูลที่ศึกษากันในเบื้องต้น มั่นใจว่า 50 สตางค์แรก สามารถปรับลดลงได้อย่างแน่นอน 

นอกจากนี้ ในเรื่องของโครงการราคาน้ำมันนั้น ยังมีรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ที่ทาง คปพ. จะเขาไปติดตามเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำมัน และจะดำเนินการในระยะต่อไป เช่น ราคาเอทานอล ที่นำมาผสมในแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซล ที่นำมาผสมในดีเซล ซึ่งขณะนี้ราคาเชื้อเพลิงหลายชนิดถูกลงก็ควรจะไปดูรายละเอียดในโครงสร้างราคา เพื่อปรับให้สะท้อนต้นทุนด้วย

ส่วนการที่กระทรวงพลังงานเตรียมส่งเสริมใช้แก๊สโซฮอล์ อี20 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานกลุ่มเบนซิน ก็สามารถดำเนินการได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ราคาว่าจะเป็นธรรมต่อใครบ้าง และผู้ใช้รถได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างไร รวมถึงค่าการตลาดน้ำมันในปัจจุบันที่ราคาตลาดโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ทางกระทรวงพลังงาน ได้เข้าไปกำกับให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสมทันต่อสถานการณ์หรือไม่