ทส. ยอมรับหมอกควันภาคเหนืออันตรายพอๆกับ ‘โควิด’

 ทส. ยอมรับหมอกควันภาคเหนืออันตรายพอๆกับ ‘โควิด’

เผยหมอกควันข้ามพรมแดนจัดการลำบาก เน้นขอความร่วมมือผ่านเลขาฯ อาเซียนเป็นหลัก

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวกถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคเหนือว่า ยอมรับว่า ตอนนี้เรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีความอันตรายพอกับเชื้อโควิด-19

นายวราวุธกล่าวว่า สถานการณ์การเผาป่าในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศลดลงไปพอสมควร แต่ปัญหาอีกส่วนหนึ่งคือยังมีการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้ทำหนังสือไปถึงเลขาธิการอาเซียนแล้ว และทางอาเซียนได้แจ้งไปยังประเทศที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ

ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า เมื่อเป็นเรื่องที่ข้ามประเทศก็มีความลำบากในพูดคุย เพราะเราเองก็ไม่ใช่ประเทศที่จะไปนั่งกดสั่งให้เขาทำตามได้ นายวราวุธกล่าว

สถานการณ์ฝุ่นควันภาคเหนือเริ่มกลับมารุนแรงเป็นครั้งที่สามของปีนี้ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีค่าฝุ่น PM2.5 ที่มีผลต่อระบบหายใจและอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้พุ่งสูงเกินกว่าค่าวิกฤติที่ 100 มคก./ ลบ.ม. ถึง 3-4 เท่าในบางวัน

วานนี้ สถานการณ์เริ่มดีขึ้นมาบ้าง และในวันนี้ กรมควบคุมมลพิษได้รายงานว่า ค่า PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 31 – 127 มคก./ลบ.ม. (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) โดยพบพื้นที่สีเหลือง 12 พื้นที่ (คุณภาพอากาศปานกลาง) พื้นที่สีส้ม 10 พื้นที่ (คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และพื้นที่สีแดง 2 พื้นที่ (คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ)

ทางด้านกรมอนามัย พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ยังพบค่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ซึ่งในขณะนี้เป็นช่วงเด็กปิดเทอม จึงขอความร่วมมือ พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องคุมเข้มโดยให้เด็กเลี่ยงทำกิจกรรมนอกบ้าน

นอกจากนี้ กลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรงดออกนอกบ้าน และงดออกกำลังกายทั้งในและนอกบ้าน ควรจัดห้องในบ้านให้เป็นห้องปลอดฝุ่น โดยลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นภายในและบริเวณบ้าน เช่น งดจุดธูป ปิ้งย่างหรือใช้ฟืนประกอบอาหาร เผาขยะ เผาเศษใบไม้/หญ้า หรือกิจกรรมอื่นที่เป็นแหล่งกำเนิดควัน เป็นต้น

ทั้งนี้ หากพบเด็ก หรือบุคคลในครอบครัวมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี้ด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบพาไปพบแพทย์ ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาประจำตัวและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม อย่างน้อย 5 วันและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ภาพ/ จังหวัดเชียงรายระดมฉีดพ่นละอองน้ำช่วงวันหยุดที่ผ่านมาเพื่อบรรเทาผลกระทบจากฝุ่นฯ/ สนง. จว. เชียงราย