‘สาทิตย์’ เห็นด้วยเปิดสภา ถกแก้วิกฤตโควิด-19

‘สาทิตย์’ เห็นด้วยเปิดสภา ถกแก้วิกฤตโควิด-19

“สาทิตย์” เผย ส.ส.ปชป.หลายคนเห็นด้วยกับฝ่ายค้านยื่นเปิดประชุมวิสามัญ แก้วิกฤติไวรัสโควิด-19

เมื่อวันที่ 16 มี.ค.63 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 กล่าวว่า จากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ขณะนี้มีฝ่ายค้านได้ยื่นเปิดประชุมวิสามัญนั้น เป็นช่องทางหนึ่งที่ระดมความคิดเห็นในฐานะตัวแทนของประชาชนต่อรัฐบาลได้

ขณะนี้ สภาวะของประเทศไทยเข้าเริ่มถึงจุดที่จะเห็นว่าเรื่องของไวรัส COVID-19 ถึงขั้นวิกฤตที่ต้องแก้ไขโดยเร็ว เพราะฉะนั้นการรับฟังสภาอาจจะต้องดูสถานการณ์ขั้นวิกฤตนี้ไปสักระยะหนึ่งในความคิดเห็นของตน ทั้งนี้รัฐบาลเพิ่งตั้งศูนย์ COVID-19 ขึ้นมา เริ่มทำงานมาได้ 2-3 วัน ซึ่งตรงนี้ในการแก้ไขปัญหาขั้นวิกฤตที่เรียกว่าการบริหารในสภาวะวิกฤตมันต้องอาศัยการตัดสินใจที่รวดเร็ว ซึ่งถ้าทำไปแล้วระยะหนึ่งแล้วเกิดมีผลตอบรับหรือผลลับที่เกิดขึ้นอาจจะยังมีปัญหาอยู่ ถึงช่วงนั้นอาจจะเปิดสภาได้ ซึ่งตนเองถามเพื่อนๆหลายคนต่างก็เห็นด้วย แต่ที่ทุกคนกังวลคือเอา ส.ส.มารวมตัวกันในช่วง COVID-19 ระบาดมันจะเสี่ยงกับการติดเชื้อเองหรือไม่

อันนี้ถือว่าเป็นช่องทางหนึ่ง แต่ทั้งนี้ต้องรอให้รัฐบาลจัดการวิกฤตนี้ไปสักระยะหนึ่ง แล้วจะดูว่าเวลามันเหมาะสมที่จะเปิดก็เปิดได้ แต่ต้องระวังไวรัส COVID-19 ด้วยหลายคนมีความกังวลเช่นนั้น สำหรับความคิดของตนเปิดได้แต่ต้องรอสักนิดให้การจัดการวิกฤตนี้ให้ได้ทำกันก่อนเพราะตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นรวดเร็ว สำหรับเสียงโหวดในสภาตนมองว่าถ้าทุกพรรคเห็นด้วยก็ไม่มีปัญหาแต่ละพรรคก็ต้องมีท่าทีที่ออกมา ใน

ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ได้มีการหารือกัน ลองถามเพื่อน ๆ ต่างเห็นด้วยแต่ให้รอไปสักระยะหนึ่งก่อน ให้รัฐบาลเขาจัดการในเชิงวิกฤตนี้ไปก่อน สำหรับเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะถอนออกจากรัฐบาลตอนนี้ยังไม่มีอะไรยังไม่ได้คุยกัน สำหรับที่มีปัญหาคือเอาไลน์ที่เขียนออกมาทั้งนี้เรื่องแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องภายในมันจึ่งยุ่งนิดหนึ่ง แต่จริง ๆ ทุกพรรคมันก็ต้องมีคนที่มีความคิดเห็นต่างกัน อย่าว่าพรรคการเมืองมีคนเยอะเลย บ้านหลังเดียวพ่อแม่ลูก 3 คนยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเลยเป็นเรื่องปกติ

ส่วนในกรณีที่มีมวลชนออกมาเคลื่อนไหวให้นายกฯ และ สว.มาจากการเลือกตั้ง ตนเข้าใจว่าคงเป็นเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญในสภามีคณะกรรมาธิการที่เขาไปพิจารณาเรื่องของวิธีการแก้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อที่จะผลักดันเรื่องเนื้อหาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตนมองว่าก็เป็นสิทธิที่ทำได้ก็เสนอความคิดเห็นและฟังความคิดเห็นกันไป

ส่วนเรื่องที่จะแก้ไขเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนที่มีส่วนแก้รัฐธรรมนูญคงจะต้องตัดสินใจ เพราะฉะนั้นในช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องรับฟังไปก่อน ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติของระบบประชาธิปไตย คิดต่างกันได้ ซึ่งยังเป็นเงื่อนไขของพรรคประชาธิปัตย์ แต่สิ่งที่เราเสนอมีการตั้งกรรมาธิการแล้ว คือเสนอให้ไปแก้วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งธรรมนูญปี 60 แก้ยากมาก เพราะฉะนั้นต้องแก้วิธีการแก้ก่อน การแก้รัฐธรรมนูญจึงจะง่ายขึ้น ซึ่งกำลังมีการพิจารณาอยู่แต่ยังไม่จบ

ด้านนายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง พรรคพลังประชารัฐ เขต1 กล่าวว่า ตอนนี้ประชาชนได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ทั่วประเทศธุรกิจหลายอย่างที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอาจจะถูกสั่งปิด การท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้อาจทำให้ภาคการเกษตร ภาคบันเทิงท่องเที่ยวขาดรายได้ไป

ทั้งนี้ ต้องมีการสร้างอาชีพอื่นขึ้นมารองรับในตอนนี้ ซึ่งการค้าขายก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ตนเองได้ไปตำบลนาโต๊ะหมิงชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันทำเครื่องแกงตำมือส่งขายสร้างรายได้ อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถความถนัดของแต่ละกลุ่มแต่ละพื้นที่ซึ่งเราก็จะเข้าไปส่งเสริมทันทีว่าเขามีแนวคิดจะทำอะไร ในส่วนตัวตนเองคิดว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เราทำในครัวเรือนให้เราพอกินพออยู่ไม่ต้องซื้อก่อน

ส่วนที่เหลือก็ต้องมาคิดอีกทีว่าจะขายอย่างไร ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ทางรัฐบาลให้นโยบายแต่ละท้องถิ่นไปดำเนินการรวมทั้งส่วนราชการที่สามารถที่จะทำได้ โดยใช้งบปกติงบประจำที่ส่วนราชการหรือท้องถิ่นมีอยู่เสริมกับกับจิตอาสา อย่าง ส.ส.ก็เป็นภาคอีกภาคหนึ่งก็มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตนมองว่าถ้าทุกภาคส่วนช่วยกันหากสถานการณ์รุนแรงกว่านี้ จำนวนผู้ป่วยมากกว่านี้เชื่อว่าในจังหวัดตรังรับมือได้ ทั่วประเทศก็น่าจะรับมือได้ ต้องพยายามรณรงค์กันประชาสัมพันธ์ ให้ภาคอื่น ๆ ช่วยกันด้วย